สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ ปรับคิ้ว ใน กรุงเทพมหานคร
ทรงคิ้ว นับว่าเป็นส่วนสำคัญของใบหน้า เพราะถ้าหากทรงคิ้วเปลี่ยน หน้าก็จะเปลี่ยนไปด้วย สำหรับในประเทศไทยนั้น มีวิธีการในการปรับเปลี่ยนทรงคิ้ว (Eyebrow Adjustment) อยู่หลากหลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการกันคิ้ว การแว็กซ์คิ้ว การเขียนคิ้ว การฝังสีคิ้ว การลิฟต์คิ้ว และการสักคิ้ว เป็นต้น
สำหรับคิ้วที่ดี มีความเป๊ะสวย จะต้องมีคุณลักษณะ ดังนี้
1. หัวคิ้วจะต้องไม่ขมวดคิ้ว เพราะบริเวณหัวคิ้วนั้น ถือได้ว่าเป็นจุดนำสายตาที่เด่นมาก โดยหัวคิ้วจะต้องไม่เข้มจนเกินไป และควรจะอยู่ประมาณหัวตา ไม่เกินเลยไปกว่านั้นจนชิดติดกัน เพราะจะทำให้หน้าดุ
2. รูปทรงของคิ้ว คิ้วโค้ง หรือคิ้วตรง โดยทรงคิ้วตรง จะเหมาะกับคนที่มีรูปหน้าวงรี หรือหน้ากลม ส่วนคิ้วโค้ง สามารถทำได้หลากหลาย เช่น โค้งเข้าหาหัวคิ้ว เหมาะกับคนที่มีหน้าผากแคบ โค้งเป็นเส้นชัดเจน ทำให้ดูโตขึ้น โค้งแบบฟุ้ง ๆ ทำให้หน้าดูอ่อนหวาน ใบหน้ายาว เหมาะกับคิ้วที่ฟุ้ง ใบหน้าสั้น เหมาะกับคิ้วที่มีความโค้งขึ้นเล็กน้อย ใบหน้ารูปเพชรหรือใบหน้าเหลี่ยม ควรมีคิ้วที่ฟุ้งไม่ชัดมาก ใบหน้ารูปเพชรแต่หน้าสั้น ให้เพิ่มเส้นโค้งตรงคิ้วเล็กน้อย
3. หางคิ้ว มีความยาวที่พอดี คิ้วยาว เหมาะกับคิ้วทรงโค้ง คิ้วสั้น เหมาะกับคิ้วทรงตรง
4. ความหนาของคิ้ว ความหนาของคิ้ว สามารถวัดได้จากความกว้างของคิ้วด้านบน จนถึงขอบหน้าผาก ที่ติดกับไรผม สามารถทำคิ้วหนา หรือยกทรงคิ้วให้สูงขึ้นกว่าเดิมได้หากคุณมีหน้าผากที่กว้าง แต่ไม่ควรให้คิ้วติดกับดวงตามากจนเกินไป
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
การปรับเปลี่ยนทรงคิ้ว (Eyebrow Adjustment) ด้วยวิธีต่าง ๆ มีดังนี้
1. ฝังสีคิ้ว (Eyebrow Embroidery) คือการแต่งเสริมเติมคิ้ว โดยใช้เทคโนโลยีในการฝังสีลงไป ช่วยทำให้ชัดเจนมากขึ้น
ข้อดี ประหยัดเวลาในการแต่งหน้า แก้ข้อบกพร่องของคิ้ว เช่น คิ้วบาง หรือคิ้วไม่เท่ากัน ไม่ต้องคอยกังวลว่าสีคิ้วจะหลุดเมื่อเหงื่อออก หรือโดนน้ำ ช่วยให้ใบหน้าสวยและคมชัดมากขึ้น
ข้อเสีย ไม่สามารถแต่งหน้าที่บริเวณคิ้วได้ อาจเกิดการอักเสบ และระคายเคือง
2. กันคิ้ว (Trim the eyebrows) หรือ ถอนขนคิ้ว (Pluck the eyebrows) เป็นวิธีกำจัดขอบคิ้วที่รก และปรับรูปทรง ตกแต่งขอบคิ้วให้เข้ารูปได้ด้วยวิธีง่าย ๆ สามารถทำเองได้ที่บ้าน โดยการใช้อุปกรณ์ อย่างใบมีดกันคิ้ว และแหนบไว้สำหรับถอนคิ้ว มีความเจ็บเล็กน้อย และต้องคอยทำเรื่อย ๆ เมื่อขนคิ้วเริ่มงอกยาวขึ้น
ข้อดี ง่าย สามารถทำเองได้ที่บ้าน ราคาประหยัด เลือกทรงได้ตามต้องการ
ข้อเสีย การถอนขนบ่อย ๆ อาจทำลายรูขุมขนได้ และขนคิ้วอาจไม่งอกกลับมา ดังนั้นควรมั่นใจว่าไม่ถอนบ่อยจนเกินไป รวมถึงอาจผิดหวังกับทรงคิ้วได้ หากมีการผิดพลาด เพราะไม่ชำนาญ
3. เขียนคิ้ว (Draw on the eyebrows) เป็นอีกหนึ่งวิธี เพิ่มความชัดของคิ้ว และปรับเปลี่ยนรูปทรงได้ง่าย ๆ ตามความชอบ สามารถแก้ไขได้จนกว่าจะพอใจ เหมาะกับคนที่มีคิ้วบาง คิ้วน้อย มีสี และรูปแบบให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบแปรง แบบดินสอ หรือแบบมาสคาร่า เป็นต้น
ข้อดี สะดวก ปรับแต่งทรง และสีเองได้รายวัน แก้ไขได้หากไม่พอใจ มีรูปแบบให้เลือกเยอะ
ข้อเสีย อยู่ไม่นาน ไม่ถาวร ต้องเขียนใหม่ทุก ๆ วัน ยากสำหรับคนที่ไม่ถนัด คิ้วอาจออกมาไม่เท่ากัน โดนน้ำหรือเหงื่อ อาจจะลบเลือนหายไปได้
4. แว็กซ์คิ้ว (Eyebrow Wax) เป็นวิธีกำจัดขนคิ้วชั่วคราว ถอนออกมาได้ถึงรากถึงโคน โดยสามารถแบ่งได้เป็น แว็กซ์คิ้วร้อน จะมีประสิทธิภาพในการถอนขนสูง และ แว็กซ์คิ้วเย็น ซึ่งทำได้ง่าย และประหยัดเวลา
ข้อดี มีประสิทธิภาพสูง สามารถกำจัดขนให้สะอาดได้ในคราวเดียว ใช้เวลาขึ้นค่อนข้างนาน ประมาณ 1 เดือน และขนที่ขึ้นใหม่จะเป็นขนอ่อน ๆ ไม่เป็นตอแข็ง รวมถึงมีบริการออกแบบทรงคิ้ว
ข้อเสีย อาจส่งผลให้เกิดการเคือง ผิวบวมแดงและแสบร้อนได้ ค่อนข้างเจ็บ ไม่แนะนำให้ทำด้วยตัวเอง
5. สักคิ้ว (Eyebrow Tattoo) เป็นการปรับรูปทรง ตกแต่งทรงคิ้วของผู้ที่ไม่มีขนคิ้ว มีขนคิ้วน้อย คิ้วไม่เป็นระเบียบ หรือไม่เป็นทรงสวยงาม สามารถทำได้ทั้งแบบดั้งเดิม แบบ 3 มิติ และแบบ 6 มิติ
ข้อดี เห็นผลทันที เห็นผลอยู่นาน ปราศจากความยุ่งยากจากการเขียนคิ้ว ช่วยประหยัดเวลา มั่นใจมากขึ้น
ข้อเสีย เสี่ยงต่อการติดเชื้อ การดูแลหลังการทำค่อนข้างลำบาก ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
6. การลิฟคิ้ว (Eyebrow Lifting) คือการจัดระเบียบขนคิ้ว ให้ขนคิ้วยกขึ้น โดยไม่ต้องใช้มาสคาร่า ช่วยให้คิ้วเต็มกรอบ และดูหนาขึ้น
ข้อดี ช่วยให้คิ้วมีระเบียบ ดูเข้มสวยขึ้น
ข้อเสีย เป็นเพียงการเสริมให้คิ้วดูมีมิติ ต้องทำอย่างอื่นร่วมด้วยถึงจะครบสูตรคิ้วสวย
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
ฝังสีคิ้ว (Eyebrow Embroidery) หลังฝังสีคิ้วเสร็จใหม่ ๆ คิ้วจะดูเข้ม และชัด ซึ่งจะจางลง ได้สีคิ้วที่แท้จริง ภายในระยะไม่เกิน 2 อาทิตย์ โดยสีจะจางลงประมาณ 40-50%
กันคิ้ว (Trim the eyebrows) หรือ ถอนขนคิ้ว (Pluck the eyebrows) สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้แบบปกติ แต่งหน้า ออกแดดได้ แต่อาจจะต้องเลี่ยงสารเคมี หรือเครื่องสำอางที่เป็นกรด 1-2 วัน เพราะอาจมีการอักเสบบริเวณที่ทำการกำจัดขนคิ้วออก
เขียนคิ้ว (Draw on the eyebrows) ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น เพียงแต่ล้างให้สะอาด แล้วทาซ้ำใหม่เมื่อต้องการ
แว็กซ์คิ้ว (Eyebrows Wax) สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้แบบปกติ แต่อาจจะต้องเลี่ยงสารเคมี หรือเครื่องสำอางที่เป็นกรด 1-2 วัน เพราะอาจมีการอักเสบบริเวณที่ทำการกำจัดขนคิ้วออก ในบางคนอาจมีอาการระคายเคือง มีรอยแดง และบวมได้
สักคิ้ว (Eyebrow Tattoo) สามารถไปไหนมาไหนได้เลย หลังจาทำการสักคิ้ว แต่ให้งดการโดนน้ำบริเวณคิ้ว ประมาณ 5-7 วัน รอให้แผลแห้งตกสะเก็ด และลอกออก
การลิฟคิ้ว (Eyebrow Lifting) สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติหลังทำ แต่ให้งดการโดนน้ำ และน้ำมัน หลังจากการทำในระยะเวลาสั้น ๆ
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
การดูแลหลังเข้ารับการฝังสีคิ้ว (Eyebrow Embroidery)
-
ห้ามแต่งหน้าบริเวณคิ้ว จนกว่าสะเก็ดจะหลุดลอกหมด
-
ห้ามแกะเกาเด็ดขาด เพราะอาจเกิดแผลเป็นได้
-
ห้ามโดนน้ำ 5-7 วัน เพื่อสีจะได้ไม่หลุดและแผลแห้งสนิท
-
ให้ใช้วิธีเช็ดรอบ ๆ คิ้วแทนทายาแก้อักเสบบาง ๆ บริเวณคิ้ว วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ไม่ควรทามากเกินไป เพราะจะทำให้สะเก็ดหลุดเร็ว และสีจะติดไม่ทน
-
งดทานไข่ อาหารหมักดอง อาหารเผ็ด ๆ อาหารทะเลทุกชนิด จนกว่าสะเก็ดจะหลุดหมด
-
ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ทำการรักษา
การดูแลหลังเข้ารับการกันคิ้ว (Trim the eyebrows) หรือ ถอนขนคิ้ว (Pluck the eyebrows)
-
ใช้โลชั่นทาบริเวณคิ้วเพื่อลดความเจ็บปวดและอาการแดง
-
ทาครีมว่านหางจระเข้หรือออยล์เพื่อลดอาการแดง
-
ใช้น้ำแข็งประคบเพื่อลดการระคายเคืองและอาการแดง
การดูแลหลังเข้ารับการเขียนคิ้ว (Draw on the eyebrows)
-
ในกรณีที่ไม่ได้ใช้แบบกันน้ำ ให้ระวังการโดนน้ำ และเหงื่อ
-
ล้างออกให้สะอาดก่อนเข้านอน
การดูแลหลังเข้ารับการแว็กซ์คิ้ว (Eyebrows Wax)
-
ห้ามสัมผัส ถู ขยี้ หรือเช็ดผิวบริเวณที่แว็กซ์ด้วยความรุนแรง
-
งดการทำหัตถการต่าง ๆ บนผิวหน้า 1-2 สัปดาห์
-
งดการว่ายน้ำ อบซาวน่า
-
หลีกเลี่ยงการเจอแสงแดด
-
เลี่ยงกิจกรรมที่ต้องสัมผัสกับบริเวณที่แว็กซ์คิ้ว
การดูแลหลังเข้ารับการสักคิ้ว (Eyebrow Tattoo)
-
ใช้ผ้าเย็นประคบเพื่อลดอาการบวม และใช้ยาปฏิชีวนะแบบครีม ทาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
-
หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด และห้ามทาครีมกันแดดหลังการสักเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์
-
หลีกเลี่ยงไม่ให้รอยสักโดนน้ำ ไม่แช่ตัวในอ่างอาบน้ำนานเกินไป และไม่ว่ายน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำในสระว่ายน้ำที่มีส่วนผสมของคลอรีนสูง เป็นเวลาหลายสัปดาห์หลังสัก หรือจนกว่ารอยสักจะเข้าที่ เพื่อป้องกันสีที่สักหลุดลอกออก และป้องกันการอักเสบติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นได้
-
เมื่อรอยสักเข้าที่และอาการข้างเคียงต่าง ๆ หายสนิทประมาณ 2 สัปดาห์หลังสัก ผู้ที่สักจะสามารถกลับไปใช้ชีวิต ทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงการใช้เครื่องสำอางและครีมบำรุงเสริมความงามได้ตามปกติ
การดูแลหลังเข้ารับการการลิฟคิ้ว (Eyebrow Lifting)
-
หลีกเลี่ยงการโดนน้ำ 5 ชั่วโมง
-
ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน 1-2 วัน
-
บำรุงด้วยวิตามินอี 1 สัปดาห์ เช้าเย็น
-
งดสครับผิวบริเวณคิ้ว 1-2 วัน
-
ใช้แปรงปัดเซ็ตขนคิ้วบ่อยครั้ง
-
ไม่ควรขยี้เส้นขนคิ้ว
-
กลับมาทำซ้ำอีกครั้ง เมื่อผ่านไป 4-6 สัปดาห์
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
การปรับเปลี่ยนทรงคิ้ว (Eyebrow Adjustment) ในทุกรูปแบบวิธี จะไม่คงทน ถาวร จะต้องไปทำซ้ำอีก โดยวิธีที่อยู่ได้นานที่สุด คือการสักคิ้ว ที่ต้องไปทำซ้ำอีกครั้ง หลังจากผ่านไปประมาณ 4-6 สัปดาห์ โดยคิ้วจะจางลง เมื่อระยะเวลาผ่านไปประมาณ 1-3 ปี และการฝังสีคิ้ว 1-3 ปี ส่วนวิธีอื่น ๆ มักจะอยู่ได้ประมาณ 1 เดือน ก็จะเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิม ต้องมีการทำซ้ำเรื่อย ๆ และทุกวิธีการสามารถเห็นผลลัพธ์ได้เลยหลังทำ ต่างกันแค่วิธีการดูแลรักษา และระยะเวลารอคอยให้คิ้วออกมาสมบูรณ์แบบ
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง