FAQ การฉีดโบท็อกซ์ (คำถามที่พบบ่อย)
สามารถฉีดโบท็อกซ์ได้ตั้งแต่อายุเท่าไร?
โดยทั่วไปสามารถฉีดโบท็อกซ์ได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีเป็นต้นไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มฉีดตั้งแต่อายุ 20 กลาง ๆ เมื่อเริ่มเกิดริ้วรอยบนใบหน้า แนะนำให้ปรึกษากับแพทย์ผู้มีความชำนาญการก่อน และแพทย์จะเป็นผู้ทำการฉีดโบท็อกซ์ให้เท่านั้น
ฉีดโบท็อกซ์นานแค่ไหนจึงจะเริ่มเห็นผล?
โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นภายใน 3 - 5 วัน ซึ่งในบางรายอาจเห็นผลทันที และจะเห็นผลอย่างเต็มที่ประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีด
การฉีดโบท็อกซ์อยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลจากการฉีดโบท็อกซ์ โดยทั่วไปจะอยู่ได้นาน 3 - 6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด การตอบสนองของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ความรุนแรงของปัญหาผิว และความเชี่ยวชาญของแพทย์
นอกจากนี้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติเฉพาะที่ต่างกันเล็กน้อย เช่น ขนาดของโมเลกุล ความเข้มข้นของสาร และความบริสุทธิ์ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีผลต่อผลลัพธ์หลังการรักษาเช่นกัน
ฉีดโบท็อกซ์ เจ็บหรือไม่?
โดยทั่วไปการฉีดโบท็อกซ์จะไม่ค่อยรู้สึกเจ็บ แต่บางคนอาจรู้สึกไม่สบายผิวหรือตึง ๆ เล็กน้อยระหว่างฉีด
ข้อควรปฏิบัติหลังจากฉีดโบท็อกซ์ มีอะไรบ้าง?
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ป้องกันไม่ให้ตัวยากระจายไปยังบริเวณอื่น และหลีกเลี่ยงผลแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ควรปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้
- ห้ามนอนราบหรือก้มตัวอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
- ไม่นวดคลึงบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพราะแอลกอฮอล์ทำให้เกิดอาการช้ำบวมบริเวณที่ฉีดได้
- ระวังการสัมผัสกับความร้อนหรือความเย็นที่มากเกินไป 24-48 ชั่วโมง เช่น การอาบน้ำอุ่น ซาวน่า ห้องสตีม อ่างน้ำร้อน
- ภายใน 2 สัปดาห์แรก ไม่ควรให้บริเวณที่ฉีด สัมผัสกับความร้อน
- ทาครีมกันแดด เพื่อหลีกเลี่ยงความร้อนจากการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และเว้นช่วงอย่างเหมาะสมก่อนทำหัตถการอื่น
- พบแพทย์เพื่อดูผลหลังฉีดว่าได้ผลลัพธ์เป็นไปตามความต้องการหรือไม่
ผลข้างเคียงของการฉีดโบท็อกซ์
การฉีดโบท็อกซ์ส่วนใหญ่ไม่เกิดผลข้างเคียง แต่อาจทำให้เกิดอาการบวม แดง หรือช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ฉีดได้บ้าง ซึ่งโดยทั่วไปจะหายได้เองภายใน 2-3 วัน
ทั้งนี้ผลข้างเคียงรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้แต่พบไม่บ่อย ได้แก่ หนังตาตก คิ้วตก กลืนหรือหายใจลำบาก เป็นต้น
ฉีดโบท็อกซ์ ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ ควรเว้นระยะเวลาเท่าไร?
หลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้ว ระยะเวลาที่ควรรอก่อนทำการรักษาอื่น ๆ จะขึ้นอยู่กับวิธีการรักษาเฉพาะที่จะทำ ดังนี้
การทำเลเซอร์ / การทำไฮฟู่ (HIFU) / การลอกหน้าด้วยสารเคมี (Chemical Peeling) / การกรอผิว (Microdermabrasion)
โดยทั่วไป ควรรออย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อทิ้งช่วงให้โบท็อกซ์ทำงานได้อย่างเต็มที่และลดความเสี่ยงของอาการไม่พึงประสงค์หรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ยกเว้นว่ามีเงื่อนไขอื่น
*การทำไฮฟู่ รวมไปถึง Ultraformer และ Ulthera
ฉีดเมโสแฟต
การฉีดเมโสแฟตสลายไขมัน โดยทั่วไปแนะนำให้รออย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังฉีดโบท็อกซ์เช่นกัน เนื่องจากทั้งการฉีดโบท็อกซ์และเมโสแฟตสามารถช่วยให้หน้าดูเรียวกระชับขึ้นทั้งคู่ การได้เห็นผลจากโบท็อกซ์ก่อนจะช่วยให้แพทย์พิจารณาฉีดเมโสแฟตเพื่อสลายไขมันส่วนเกินได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในบางเคสแพทย์อาจฉีดทั้งโบท็อกซ์และเมโสแฟตให้ในคราวเดียวกันเลย ทั้งนี้ขึ้นกับการประเมินของแพทย์ผู้ทำการรักษา
ฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์อาจทำได้ในวันเดียวกันกับการฉีดโบท็อกซ์ ขึ้นกับคำแนะนำของแพทย์ที่ทำการรักษา
หากทำการรักษาอื่นมาก่อน ต้องเว้นนานแค่ไหนก่อนฉีดโบท็อกซ์?
สำหรับใครที่ได้รับการรักษาอื่นมาก่อนการฉีดโบท็อกซ์ ก็ควรเว้นระยะห่างตามที่แนะนำข้างต้นเช่นกัน เพื่อให้ผิวหน้าได้รับการฟื้นฟูอย่างเติมที่ก่อนจะเริ่มฉีดโบท็อกซ์
ใครที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์?
ไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์ในผู้ที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี หญิงมีครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ หรือผู้ที่มีประวัติการแพ้อย่างรุนแรง
ฉีดโบท็อกซ์ราคาเท่าไร?
การฉีดโบท็อกซ์มีหลายราคา สามารถตรวจสอบราคาต่อขนตาบนหน้าเว็บ Mordee.co ได้ที่นี่ หรือสอบถามแอดมิน 🙋♂️