ดริปวิตามิน IV Drip มีประโยชน์อย่างไร ทำไมคนถึงนิยมไปดริปกัน
ดริปวิตามิน หรือ IV Drip อีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพและผิวพรรณที่กำลังได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปีสองปีที่ผ่านมานี้ ทั้งยังมีหลายคลินิกออกโปรโมชั่น IV Drip มาเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ที่ชื่นชอบดูแลตัวเองและอยากผิวสว่างใสแบบเร่งด่วน
แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่กล้าเสี่ยง เพราะกลัวว่าจะเป็นอันตราย วันนี้เราเลยมาไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการดริปวิตามินหรือให้วิตามินผิวผ่านทางสายน้ำเกลือ เพื่อให้ทุกคนได้ดูแลตัวเองด้วยความมั่นใจและเข้าใจถึงประโยชน์ของการใช้วิตามินดริปนั่นเองค่ะ
เลือกหัวข้อที่สนใจ
- ดริปวิตามิน คืออะไร ใช่ฉีดผิวไหมเป็นสิ่งเดียวกับ IV Drip หรือเปล่า
- IV Drip อันตรายไหม แล้วดริปวิตามินบ่อย ๆ ปลอดภัยหรือเปล่า
- ดริปวิตามิน กับ รับประทานวิตามิน ได้รับสารอาหารเหมือนกันหรือไม่
- สูตร drip วิตามิน มีทั้งหมดกี่สูตร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
- ข้อดีและข้อเสียของการดริปวิตามิน
- ใครที่ควรทำ IV Drip
- ข้อควรปฏิบัติและขั้นตอนการทำ IV Drip
- ดริปวิตามิน กี่ครั้งเห็นผล
- IV Drip ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง
- ราคาและสถานพยาบาลที่ให้บริการ IV Drip
ดริปวิตามิน คืออะไร ใช่ฉีดผิวไหมเป็นสิ่งเดียวกับ IV Drip หรือเปล่า
ดริปวิตามิน หรือการให้วิตามินทางหลอดเลือดดำผ่านสายน้ำเกลือ เป็นการเสริมสร้างและบำรุงสุขภาพตั้งแต่ภายในสู่ภายนอกด้วยวิตามินและสารอาหารที่มีประโยชน์ โดยทั่วไปการใช้วิตามินบำบัดนี้ เราสามารถเรียกว่า IV Drip ก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นคำที่ย่อมาจากคำว่า Intravenous Vitamin therapy แบบ “Drip” ดริปเข้าเส้นเลือดนั่นเอง
ปัจจุบัน สูตรของ IV Drip ก็มีหลากหลายสูตร มีการปรับแต่งเพื่อคุณประโยชน์ที่หลากหลายเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ในบางรายอาจเรียกหัตถการนี้ว่า ฉีดผิว หรือ ฉีดผิวขาว ก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การฉีดวิตามินผิวที่เป็นการฉีดเข้าเส้นเลือดโดยตรงไม่ดริปผ่านน้ำเกลือก็มีให้บริการเช่นเดียวกัน โดยเรียกว่า IV Push เพียงแต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าการดริป
ดังนั้น แม้ว่า ฉีดวิตามิน ดริปวิตามิน IV Drip และ การให้วิตามินทางหลอดเลือด จะเป็นสิ่งเดียวกัน แต่เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันเวลาสอบถามพูดคุยกับทางคลินิกให้เลือกใช้คำว่า “ดริป” แทนคำว่า “ฉีด” จะตรงกับบริการที่เป็น IV Drip ผ่านสายน้ำเกลือมากกว่าค่ะ
IV Drip อันตรายไหม แล้วดริปวิตามินบ่อย ๆ ปลอดภัยหรือเปล่า
การรับบริการ IV Drip ปลอดภัยหรือไม่นั้นให้ดูที่ขั้นตอนของการให้บริการจากทางคลินิกว่ามีการซักถามประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว และความต้องการของเราไหม รวมถึงการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สะอาด แกะเข็มใหม่ต่อหน้า โดยผู้ตระเตรียมการให้วิตามินในคลินิกส่วนใหญ่จะเป็นพยาบาล (มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของสภาการพยาบาล) ซึ่งอยู่ในการควบคุมของแพทย์ นอกจากนี้ ส่วนผสมด้านในควรผ่านการรับรองจาก อย. และให้วิตามินในแต่ละครั้งด้วยปริมาณที่เหมาะสม
การให้วิตามินบำบัด เป็นสิ่งที่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง และหากทำตามคำแนะนำของสถานพยาบาลอย่างเคร่งครัด บริการนี้ก็ถือเป็นบริการที่ปลอดภัย
ดริปวิตามิน กับ รับประทานวิตามิน ได้รับสารอาหารเหมือนกันหรือไม่
แม้วิตามินที่ดีที่สุดคือวิตามินที่มาจากพืชและสัตว์ เช่น ผัก ผลไม้ ไข่ ปลา หมูเนื้อแดง ถั่ว และอื่น ๆ ก็ตาม แต่ข้อเสียคือเราต้องรับประทานในปริมาณที่เยอะมาก ๆ ถึงจะได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เพราะนอกจากวิตามินจะค่อย ๆ มีปริมาณลดลงตามธรรมชาติแล้ว กระบวนการปรุงสุกและกระบวนการแปรรูปอาหารยังทำให้สารอาหารเหล่านี้ค่อย ๆ หายไปอีกด้วย
ต่อมามีการพัฒนาโดยการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เช่น วิตามินแคปซูล และวิตามินละลายน้ำเข้ามาช่วยให้เราได้รับสารอาหารและวิตามินเยอะขึ้นด้วยวิธีง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม กระบวนการดูดซึมสารอาหารในร่างกาย สามารถดูดซึมวิตามินเข้ามาใช้ได้เพียงแค่ 30% เท่านั้น
การดริปวิตามิน เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้เราได้รับวิตามิน โดยจะให้ทางหลอดเลือดดำโดยตรง จึงทำให้เราได้รับสารอาหารได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องผ่านกระบวนการดูดซึมอาหารของร่างกาย ในปัจจุบัน IV Drip จึงให้ผลลัพธ์ในการฟื้นฟูร่างกายและผิวพรรณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
สูตร drip วิตามิน มีทั้งหมดกี่สูตร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
การดริปวิตามิน มีประโยชน์อะไรบ้างนั้นขึ้นอยู่กับสูตรที่เราเลือกรับบริการ โดยหลัก ๆ แล้วจะแบ่งเป็น 4 ประเภทที่นิยม ได้แก่
- สูตรผิวสว่างกระจ่างใส ลดสิว และต่อต้านอนุมูลอิสระ
- สูตรเสริมสร้างและฟื้นฟูสุขภาพภายใน
- สูตรควบคุมน้ำหนัก และสลายไขมัน
- สูตรดีท็อกซ์ ขับสารพิษออกจากร่างกาย
โดยแต่ละคลินิกและโรงพยาบาลจะมีชื่อและสูตรเป็นของตนเอง ทำให้ดูเหมือนว่ามีเยอะกว่าร้อยสูตร ซึ่งจริง ๆ แล้วแต่ละสูตรนั้นไม่ได้แตกต่างไปจาก 4 กลุ่มด้านบนมากนัก เพียงแต่มีการปรับสูตรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้มีความเฉพาะและมีจุดเด่นของแต่ละสูตรต่างไปในแต่ละผู้บริการ ตัวอย่าง ดังนี้
1. IV Drip วิตามินผิวขาว สูตรผิวสว่างกระจ่างใส ลดสิว และต่อต้านอนุมูลอิสระ
สูตรประเภทนี้จะประกอบด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน กำจัดอนุมูลอิสระที่ทำร้ายผิวให้ดูไม่สดใสเกิดริ้วรอย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เร่งการผลัดผิวและสร้างเซลล์ผิวใหม่ทดแทนผิวที่เสีย ซึ่งส่งผลให้ผิวดูขาวกระจ่างใสขึ้น อ่อนเยาว์ลง และช่วยให้สุขภาพผิวดี
- สูตร Beauty Drip (Glow + Rejuvenate) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวเปล่งปลั่ง สุขภาพดีพร้อมสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อคืนความอ่อนเยาว์
- สูตร Starter Princess Aura วิตามินบำรุงผิว และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ชะลออายุผิว
- สูตร Aura White และ สูตร Bright Skin เสริมให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
- สูตร Vitamin Cocktail เสริมสารอาหารที่ประกอบด้วยวิตามินซี บี แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด
- สูตร Ultra whitening X4 ทำให้ผิวขาวและต่อต้านริ้วรอย มีส่วนผสมของสารตั้งต้นกลูต้าฯ มีคอลลาเจนและวิตามินหลายชนิด
- สูตร Mega C วิตามินซีเข้มข้น ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ซ่อมแซมผิว ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้รู้สึกสดชื่น และยับยั้งสารก่อมะเร็ง
- สูตร BAEK OK Drip มีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวขาวและต่อต้านริ้วรอย ยับยั้งการทำงานของเมลานิน เพิ่มความนุ่มกระชับให้กับผิวและต่อต้านอนุมูลอิสระ
- สูตร Aura Skin ให้ผิวพรรณกระจ่างใส ต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย
- สูตร Super Blink ผิวขาวกระจ่างใสแบบเร่งด่วน ลดฝ้า กระ และจุดด่างดำทั่วร่างกาย
- สูตร Anti-Acne ลดสิวและรอยดำ ช่วยลดสิวและรอยดำ เสริมให้สิวหายเร็วขึ้น และช่วยทำให้รอยสิวจางลง
2. IV Drip สูตรเสริมสร้างและฟื้นฟูสุขภาพภายใน
สูตรเสริมสร้างและฟื้นฟูสุขภาพมีสูตรค่อนข้างหลากหลาย ขึ้นกับคุณสมบัติเฉพาะที่ต้องการเน้นเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มพลังงานให้กับเซลล์ ซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ และฟื้นฟูร่างกาย เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูและกล้ามเนื้อ ปรับสมดุลฮอร์โมน บรรเทาความเครียด เป็นต้น
- สูตร MYERS' Cocktail เพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและรักษาอาการของโรคเรื้อรัง เช่น โรคหอบหืด โรคปวดกล้ามเนื้อ อาการเมื่อยล้าและไมเกรน
- สูตร Immunity Drip เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อ ไข้หวัด และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- สูตร Exclusive NAD+ ช่วยซ่อมแซมลึกถึงระดับดีเอ็นเอ ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบประสาทและสมอง เพิ่มพลังงานให้แก่เซลล์ในร่างกายอย่างเต็มที่ ช่วยลดอาการอักเสบและเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ บรรเทาอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย และผ่อนคลายจากภาวะความเครียดสะสม
- สูตร Vitamin D3 ช่วยบรรเทาความเครียด ลดความเสี่ยงต่อความซึมเศร้า ปรับอารมณ์ของคุณให้ดีขึ้น โดยการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนแห่งความสุข ต่อต้านการอักเสบ เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อ
- สูตร Immune Booster เสริมภูมิคุ้มกันแบบเร่งด่วน และช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน
- สูตร Starter Office Syndrome Fighter ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดเมื่อยตามตัวเรื้อรัง
- สูตร Starter Megadose Vitamin C ช่วยสร้างการทำงานของภูมิคุ้มกัน ต้านการเจ็บป่วยจากเชื้อไวรัส ต้านการติดเชื้อ ลดการอักเสบในร่างกาย
- สูตร Starter Allergy Booster สำหรับผู้มีปัญหาภูมิแพ้ต่าง ๆ ทำให้อาการกำเริบลดลง สุขภาพแข็งแรงมากขึ้น
- สูตร Starter Better Sleep Formula ช่วยในการผ่อนคลาย ปรับสมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง ทำให้ลดอาการตื่นกลางดึก หลับได้ลึกขึ้น
- สูตร Energy Revive IV package ช่วยเติมพลังให้ร่างกายและจิตใจ รู้สึกมีพลัง คลายความเหนื่อยล้า เพิ่มสมาธิ ปรับสมดุลอารมณ์
- สูตร Mixed Sports IV package เปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงาน เติมน้ำให้ร่างกายเพื่อลดการสูญเสียของเหลว ช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อและกระบวนการฟื้นตัวอื่น ๆ ในร่างกาย
- สูตร Long-Covid recovery advanced package เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันโดยรวม
3. IV Drip สูตรควบคุมน้ำหนัก และสลายไขมัน
เสริมการควบคุมน้ำหนักร่วมกับการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ด้วยสูตรรวมวิตามิน เกลือแร่ และสารสำคัญที่ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน เพิ่มกล้ามเนื้อ ในผู้ที่ระบบเมตาบอลิซึมไม่ดี ช่วยลดความอยากอาหาร และบางสูตรอาจมีตัวช่วยกำจัดโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อเซลล์ซึ่งส่งผลให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่อีกด้วย
- สูตร Slim Drip (Burn + Build) เพิ่มการเผาผลาญ กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ลดความอยากอาหารและกระตุ้นการเติบโตของกล้ามเนื้อ
- สูตร Fat Burn IV package ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ สลายไขมัน และเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ทำให้คุณมีน้ำหนักและรูปร่างที่เหมาะสม
- สูตร Carb Block เผาผลาญแป้ง น้ำตาล และคาร์โบไฮเดรตเป็นพลังงานแก่ร่างกาย
- สูตร Super Fat Burn ลดน้ำหนัก เร่งการเผาผลาญ ลดไขมันในเลือด เพิ่มอัตราการเผาผลาญของไขมันในร่างกาย ลดค่าไขมันในเลือดที่ผิดปกติ และช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอล
- สูตร Slim Fast เร่งการเผาผลาญไขมัน เพิ่มอัตราเมตาบอลิซึมให้สูงขึ้น และหากทำร่วมกับการออกกำลังกายจะยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเบิร์นหรือเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น
4. IV Drip สูตรดีท็อกซ์ ล้างสารพิษในตับ ขับสารพิษออกจากร่างกาย แก้แฮงค์ ปวดหัว
สูตรเหล่านี้จะรวมวิตามินแร่ธาตุที่เสริมประสิทธิการทำงานของตับให้ดีขึ้น ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ดีท็อกซ์และเร่งการล้างสารพิษหรือโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย เหมาะกับผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือมีภาวะไขมันพอกตับ จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และชะลอภาวะตับอักเสบ โดยหลังจากดริปวิตามินสูตรนี้ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย
- สูตร Glutathione Max (Detox + Replenish) ปกป้องร่างกายจากความเสื่อม ป้องกันอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายต่อร่างกายด้วยกลูตาไธโอนและล้างสารพิษ
- สูตร Starter Liver Detox ช่วยทำความสะอาด และช่วยส่งเสริมการทำงานของตับ
- สูตร Liver and Kidney Didney Detox ล้างพิษตับและไต ทำให้การทำงานของตับและไตดีขึ้น ลดความเป็นกรด และเพิ่มพลังงานให้กับเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ช่วยชะลอการเสื่อมของโรคไตวายเรื้อรัง อีกทั้งยังช่วยชะลอการเกิดภาวะตับอักเสบและตับแข็งอีกด้วย
- สูตร Chelation Therapy ล้างพิษ โลหะหนักสารพิษจากการแต่งหน้า ทำสีผม ทำเล็บ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ เช่น สารตะกั่ว ปรอท แคดเมียม สารหนู อะลูมิเนียม ออกจากร่างกาย
- สูตร แก้อาการแฮงค์ เหมาะสำหรับนักดื่ม ช่วยให้รู้สึกสดชื่น มีความกระปรี้กระเปร่า
- สูตร Liver Detox ล้างสารพิษในตับ ช่วยล้างสารพิษในตับ เร่งการขับสารพิษตกค้างที่อยู่ในตับ ทำให้ตับทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บำรุงร่างกาย บำรุงตับ และเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
ข้อดีและข้อเสียของการดริปวิตามิน
ข้อดีของการดริปวิตามิน มีอะไรบ้าง
การดริปวิตามินมีข้อดีดังนี้
- มีหลายสูตรให้เลือกดริปได้ตามความต้องการ
- ใช้เวลาในการทำไม่นาน ระหว่างทำสามารถทำอย่างอื่นร่วมได้ เช่น เล่นมือถือ ดูทีวี พูดคุยกับเพื่อน เป็นต้น
- หลังทำไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- หากเทียบกับการฉีดผิวแล้ว การดริปวิตามินจะไม่ทำให้รู้สึกแสบเส้น และแก้ไขปัญหาได้เร็วกว่าหากพบว่าแพ้สารอาหารหรือวิตามินที่ได้รับเข้าไป
- หากต้องการวิตามินฟื้นฟูผิวและสุขภาพแบบเร่งด่วน การให้วิตามินทางหลอดเลือดดำ (IV Drip) ถือว่าตอบโจทย์ในเรื่องนี้มากที่สุด
ข้อเสียของ IV Drip มีอะไรบ้าง
สำหรับการให้วิตามินบำบัดนั้นก็มีข้อเสียได้เหมือนกัน คือ
- ต้องทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด จึงไม่เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลา
- เป็นการให้วิตามินไปช่วยฟื้นฟู ผลลัพธ์อาจค่อยเป็นค่อยไป ไม่เห็นผลในทันที โดยเฉพาะในเรื่องของผิวกระจ่างใส อาจจะต้องรอประมาณ 1-2 สัปดาห์ถึงจะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างเต็มที่
- ผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวังหรือคำโฆษณาที่เกินจริง โดยเฉพาะในกลุ่มที่อยากมีผิวขาวมาก ๆ เพราะสีผิวของแต่ละบุคคล จะขาวขึ้นได้นั้นขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องทำเรื่อย ๆ แต่สามารถลดความถี่ลงได้
ใครที่ควรทำ IV Drip
IV Drip เหมาะกับใคร
การดูแลสุขภาพและผิวพรรณด้วยการดริปวิตามินเหมาะสมกับกลุ่มคนดังต่อไปนี้
- ผู้ที่ทำงาน ทำกิจกรรมมาอย่างหนัก หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ จนรู้สึกไม่สดชื่นระหว่างวัน และอยากเติมสารกระตุ้นความแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าให้กับร่างกาย แก้แฮงค์ ปวดหัว
- ผู้ที่อยากเติมสารวิตามินหรือคอลลาเจนอย่างเร่งรัดมากกว่าวิธีกิน
- ผู้ที่อยากกระตุ้นระบบเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
- ผู้ที่อยากเปลี่ยนแปลงสุขภาพผิวโดยบำรุงตั้งแต่ภายใน
- ผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตนเอง และต้องการวิธีเสริมสุขภาพแบบรวดเร็ว รวมทั้งล้างสารพิษในตับ
- ผู้ที่อยากกระตุ้นระบบเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการเสริมระดับความกระจ่างใสของผิว (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละคน)
- ผู้ที่ต้องการหาวิธีล้างสารพิษออกจากร่างกาย
IV Drip ไม่เหมาะกับใคร
แม้ว่าการดริปวิตามินจะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้นหรือให้ยาสลบระหว่างทำ ก็ยังมีข้อยกเว้นสำหรับกลุ่มคนในบางกลุ่ม เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงและผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ดังนี้
- ผู้ป่วยโรคไต
- ผู้ป่วยโรคตับ
- ผู้ป่วยโรคหัวใจ
- ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน
- ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด โรคความดันโลหิตสูง
- ผู้ป่วยที่มีภาวะวิตามินหรือแร่ธาตุเกิน เช่น ภาวะธาตุเหล็กเกิน
- ผู้ป่วยภาวะพร่องเอนไซม์ หรือภาวะเม็ดเลือดแดงแตก (G6PD Deficiency)
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ยังประคองอาการให้คงที่ไม่ได้หรือยังต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
- สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- โรคประจำตัวหรือภาวะอื่น ๆ ที่ไม่เหมาะต่อการฉีดวิตามินผิว (แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำ)
ข้อควรปฏิบัติและขั้นตอนการทำ IV Drip
การเตรียมตัวก่อนทำ IV Drip
- แจ้งโรคประจำตัวและประวัติสุขภาพ เช่น แพ้อาหาร แพ้ยา
- เลือกสูตรวิตามินที่ตรงกับความต้องการและเหมาะสมกับตนเอง
- เลือกทำกับคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีความปลอดภัย ได้มาตรฐาน
ขั้นตอนการรับวิตามินบำบัด
- เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดผิวส่วนที่จะเจาะเข็มลงไป
- เจาะเข็มเข้าหลอดเลือดดำ และดริปวิตามินจากถุงน้ำเกลือด้วยความเร็วที่เหมาะสมเข้าสู่หลอดเลือด
- ผู้เข้ารับบริการสามารถนั่งหรือนอนรอจนกว่าวิตามินจะเข้าหลอดเลือดจนหมดได้ ซึ่งโดยปกติทางสถานพยาบาลจะเตรียมโซฟาสำหรับนั่งรอเอาไว้ให้
- หลังจากดริปวิตามินจนหมด เจ้าหน้าที่จะนำเข็มออกแล้วปิดผิวส่วนที่เจาะเข็มด้วยผ้าก๊อซหรือพลาสเตอร์ จากนั้นผู้เข้ารับบริการสามารถกลับบ้านได้
การดูแลตนเองหลังทำ IV Drip
โดยทั่วไปหลังจากทำ IV Drip ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเป็นพิเศษ แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแนะนำให้ดูแลตัวเองควบคู่กันไปด้วย ดังนี้
- เลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจัด และทาครีมกันแดด SPF 50+ ขึ้นไปเสมอหากจำเป็นต้องออกแดด
- งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ในระยะยาว
- หมั่นทาครีมบำรุงผิวและเสริมความชุ่มชื้นให้กับผิว
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีวิตามินและแร่ธาตุครบถ้วน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน
- ออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ วันละ 30-60 นาที
ดริปวิตามิน กี่ครั้งเห็นผล
หากสงสัยว่าการดริปวิตามิน ทำบ่อยแค่ไหน จากคำแนะนำทั่ว ๆ ไปให้ดริปวิตามินห่างกันสัปดาห์ละครั้ง โดยครั้งแรกจะยังไม่ค่อยเห็นผลเท่าใดนัก แต่จะเริ่มเห็นผลประมาณครั้งที่ 2 ประมาณ 20% และเห็นผลเต็มที่ในครั้งที่ 3-5 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองหลังจากทำ IV Drip ด้วย เมื่อผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจแล้วค่อยลดความถี่ลงเป็น 2 อาทิตย์ 1 ครั้ง หรือเดือนละครั้งก็ได้โดยดูแลตนเองตามคำแนะนำจาก ‘การดูแลตนเองหลังทำ IV Drip’ ข้างต้นควบคู่ไปด้วย
IV Drip ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง
หากได้รับวิตามินบำบัด IV Drip ด้วยสูตรที่ไม่ได้มาตรฐาน มีส่วนผสมที่ไม่ปลอดภัย หรือไม่ได้การรับรองจากอย. ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงหลังฉีดได้ เช่น คลื่นไส้อาเจียน ผื่นขึ้น หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ความดันต่ำ ช็อกหมดสติ และอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ทั้งนี้ควรดริปในปริมาณที่พอดีและเหมาะสมต่อร่างกาย
ไม่ว่าจะดริปวิตามินที่โรงพยาบาลหรือคลินิก ควรเลือกทำกับสถานที่ที่ปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือ เพื่อความมั่นใจใจการดูแลสุขภาพของตนเอง IV Drip ที่ไหนดี รวม 5 คลินิกใกล้ BTS อัปเดต ปี 2023
ราคาและสถานพยาบาลที่ให้บริการ IV Drip
ดริปวิตามิน โรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพไหนให้บริการบ้าง
- โรงพยาบาลเอเซีย เมืองนนทบุรี
- Foresta wellness center
- BAAC Bangkok Anti-Aging Center
- Bangkok Wellness Medical Clinic
- BRM Medical Club
ดริปวิตามิน ราคาเท่าไหร่
ราคาบริการ IV Drip นั้นมีความแตกต่างกันออกไป และช่วงราคาเองก็ค่อนข้างกว้าง โดยเริ่มตั้งแต่ 399 บาท ไปจนถึง 7,000 บาทต่อครั้ง โดยขึ้นอยู่กับสูตร ส่วนผสม ผู้ให้บริการ และโปรโมชั่นดริปวิตามิน ในช่วงนั้น ๆ แต่ถ้าหากต้องการหา IV Drip จากคลินิกที่มีคุณภาพพร้อมด้วยราคาโปรโมชั่น สามารถค้นหาคลินิกและโรงพยาบาลได้ที่ Mordee.co
คลายครบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ IV Drip หรือ ดริปวิตามิน ตัวช่วยในการเสริมสร้างฟื้นฟูสุขภาพภายใน ช่วยป้องกันการเกิดปัจจัยเสี่ยงในเรื่องของสุขภาพร่างกาย ทั้งยังเป็นการบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง กระจ่างใส และช่วยระบบเผาผลาญได้ดี หากต้องการใช้วิตามินบำบัดในการดูแลสุขภาพ คุณสามารถค้นหาได้ที่ หมอดี เว็บไซต์รวมดีลเสริมความงาม ทันตกรรม และสุขภาพที่ราคาดีที่สุดในประเทศไทย
อ่านรีวิว จากผู้ใช้งานจริง ที่จองดีลผ่าน Mordee ได้ที่ Mordee Review