เมโส ชาแนล กับ รีจูรัน ต่างกันยังไง ราคาเท่าไหร่ แบบไหนดีกว่ากัน

2023-01-06

เมโสยอดฮิตจากเกาหลี ชาแนล กับ รีจูรัน ตัวช่วยผิวหน้าเรียบเนียน หน้าเงา ให้ลุคฉ่ำวาวสุขภาพดี ซึ่งทั้งคู่เป็นหัตถการที่เป็นการฉีดลงบนผิวหน้าเหมือนกัน แต่ให้ผลลัพธ์ผิวใสต่างกัน หากใครกำลังสงสัยว่าแบบไหนดีกว่ากัน เรามาดูข้อดี ข้อเสียและข้อแตกต่างของทั้งคู่กันค่ะว่ามีอะไรบ้าง รวมถึงประโยชน์ของการฉีดเมโส แบบไหนถึงจะเหมาะสมกับเรามากที่สุด

ฉีด ชาแนล และ รีจูรัน พร้อมกันได้ไหม รวมข้อมูลของเมโสหน้าเงาจากเกาหลี

เมโสชาแนลกับรีจูรัน มีประโยชน์อย่างไร

ชาแนลกับรีจูรัน จัดเป็นเมโสหน้าใสที่ให้คุณสมบัติแตกต่างกัน เป็นทรีตเมนต์ที่ได้รับการพัฒนามาจากประเทศเกาหลี เพื่อการฟื้นฟูผิวหน้าให้แลดูสุขภาพดี อย่างไรก็ตามเมโสทั้ง 2 สูตรยังมีความแตกต่างของคุณสมบัติกันอยู่บ้าง ดังนี้

เมโสชาแนล ช่วยอะไรได้บ้าง

เมโสชาแนล มีคุณสมบัติในการฉีดเพื่อผิวสุขภาพดี ฟื้นฟูและปรับผิวที่เสื่อมสภาพ อ่อนแอ ให้กระจ่างใสขึ้น รวมถึงช่วยป้องกันการเกิดเม็ดสี ริ้วรอย และรอยเหี่ยวย่นได้ดี

รีจูรัน (Rejuran Healer) ช่วยอะไรได้บ้าง

รีจูรัน (Rejuran Healer) หรือบางครั้งเรียก รีจูแรน มีคุณสมบัติช่วยลดขนาดรูขุมขน ปรับคืนสภาพผิวให้สุขภาพดีไร้ริ้วรอย ช่วยยกกระชับให้ผิวเต่งตึง และเรียบเนียน

ชาแนล กับ รีจูรัน ต่างกันอย่างไร

สำหรับความแตกต่างของเมโสทั้งสองประเภทนั้นมีหลากหลายประเด็นด้วยกัน ทั้งยี่ห้อ ส่วนผสม และผลลัพธ์การรักษา ซึ่งสามารถแบ่งรายละเอียดออกได้ ดังนี้

ข้อแตกต่างระหว่างรีจูรัน และ ชาแนล

	Rejuran Healer	Meso Chanel
ยี่ห้อที่ใช้:	Rejuran Healer	L’ebss, Filorga135 หรือ NCTF135
สารประกอบสำคัญ:	DNA ปลาแซลมอน หรือ Polyneucleotide (PN) เป็นองค์ประกอบสำคัญในการแก้ปัญหาผิวที่เสื่อมโทรม	สารไฮยาลูโรนิก (HA) เป็นสารประกอบหลัก (มีวิตามิน 12 ชนิด, กรดอะมิโน 23 ชนิด และแร่ธาตุอีก 6 ชนิด ใน NCTF135) / (มี Pink Yeast และ เปปไทด์ 14 ชนิด ใน L’ebss)
ผู้ที่เหมาะสมกับการฉีด:	ผิวบาง ขาดความยืดหยุ่น มีหลุมสิว หน้าไม่กระชับ	เริ่มมีริ้วรอย, ขาดน้ำ ขาดความยืดหยุ่น, ผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส และผิวแห้ง
ผู้ที่ไม่เหมาะสมกับการฉีด:	มีปัญหาผิวหนัง ปัญหาระบบไหลเวียนเลือด และแพ้สารประกอบในผลิตภัณฑ์ เช่น แพ้ปลาแซลมอนหรืออาหารทะเล	มีปัญหาผิวหนัง ปัญหาระบบไหลเวียนเลือด และแพ้สารประกอบในผลิตภัณฑ์
ผลลัพธ์:	ผิวกระชับ ยืดหยุ่น ผิวเนียนขึ้น	ผิวกระจ่างใส ชุ่มชื้น
ความต่อเนื่องในการฉีด:	ฉีดต่อเนื่อง 3 ครั้ง ทุก ๆ 3-4 สัปดาห์ แล้วค่อยย้ำทุก 6-12 เดือนซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพผิว	ฉีดต่อเนื่อง 3 ครั้ง ทุก ๆ 2-3 สัปดาห์ แล้วค่อยย้ำทุก 3-6 เดือนซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพผิว
ราคา:	เริ่มต้นที่ 15,999 บาท	เริ่มต้นที่ 4,990 บาท

เพราะว่าให้ผลลัพธ์แตกต่างกัน การฉีดทั้งเมโสชาแนลกับรีจูรันพร้อมกันจึงให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า ส่งผลให้หน้าดูเงา กระชับ กระจ่างใส สุขภาพดี และไม่มีริ้วรอยหรือความหมองคล้ำมากวนใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากไปกว่านั้น ยังช่วยในเรื่องของการชะลอวัย ลดการเกิดใหม่ของริ้วรอย และฟื้นฟูเซลล์ผิวได้ดีขึ้นอีกด้วย ถ้าถามว่า เราสามารถฉีดทั้งคู่พร้อมกันได้ไหม? บอกเลยว่าได้แน่นอน

นอกจากนี้หากคุณมีปัญหาเรื่องความหมองคล้ำ แนะนำให้มาสก์หน้าหรือบำรุงผิวหน้าบ่อย ๆ เพื่อรักษาผลลัพธ์ของเมโสหน้าใสได้อย่างยาวนาน แต่ถ้าหากต้องการใช้ เมโสรีจูรัน ช่วยในเรื่องของหลุมสิว แนะนำให้ทำ เลเซอร์หรือ Micro Needle RF ควบคู่กันไปด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา

รีจูรันกับชาแนล แบบไหนดีกว่ากัน

ถ้าในเรื่องของผลลัพธ์ ทั้งคู่มีความแตกต่างกัน ดังนั้น เราควรเลือกฉีดเมโสให้ตรงกับปัญหาผิวหน้าของเราจะดีที่สุด ในส่วนของเมโสชาแนลนั้นเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับมานานแล้ว ในทางกลับกันรีจูรันเพิ่งมีกระแสจากชาวไทยเมื่อไม่นานมานี้เอง รวมทั้งยังได้รับความนิยมมากในประเทศเกาหลีอีกด้วย รีจูรันจึงได้รับความสนอกสนใจจากผู้คนมากเป็นพิเศษในช่วงระยะเวลานี้

รวมโปรโมชั่น ฉีดเมโสชาแนล และ รีจูรัน ราคาพิเศษโดยพาร์ทเนอร์ของ Mordee

หากกำลังมองหาคลินิกและสถาบันเสริมความงาม ฉีดเมโสชาแนล เมโสรีจูรันที่ไหนดี แนะนำคลินิกด้านล่างนี้เลย

ฉีดเมโสชาแนล (L’ebss) หรือ Chanel Series ll 1 เข็ม ราคา 3,500 บาท จากราคาปกติ 9,990 บาท ที่ Lise Clinic พญาไท คลิก
ฉีดเมโสชาแนล (L’ebss) 1 เข็ม ราคา 3,990 บาท จากราคาปกติ 4,990 บาท ที่ Aesthara Clinic ชลบุรี คลิก
ฉีดเมโสรีจูรัน 2 CC ราคา 8,999 บาท จากราคาปกติ 15,999 บาท ที่ SC Skinclub Clinic อโศก คลิก

ชาแนล กับ รีจูรัน แม้จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้างทั้งส่วนประกอบและคุณสมบัติ แต่ทั้งคู่ล้วนเป็นทรีตเมนต์ประเภทฉีดที่มีจุดประสงค์ร่วมกันคือ การฟื้นฟูผิวหน้า และทำให้ผิวมีความเป็น glass skin แก้ไขปัญหาผิวหมองคล้ำและปรับผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น ซึ่งทั้ง 2 ประเภทนั้นสามารถฉีดร่วมกันได้โดยไม่เกิดอันตราย อย่างไรก็ตาม คุณสามารถปรึกษาเพิ่มเติมกับแพทย์โดยตรงได้ เพื่อการฟื้นฟูผิวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด