เมโสแฟตกับโบท็อก ต่างกันยังไง อยากลดแก้มปรับหน้าเรียว ควรฉีดอันไหนดี?
สาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ ที่มีแก้มเยอะ กรามใหญ่ เหนียงย้อย แต่อยากดูหน้าเรียวขึ้นคงกำลังลังเลอยู่ใช่ไหมคะว่าระหว่าง เมโสแฟตกับโบท็อก ควรเลือกฉีดอันไหนดี สองตัวนี้ทำงานต่างกันยังไง อันไหนปลอดภัยมากกว่ากัน วันนี้เราจะมาคลายข้อสงสัยกันค่ะ! ดูซิว่าใบหน้าของคุณเหมาะกับอะไรมากกว่าจะได้แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดโดยไม่เป็นอันตราย แถมยังไม่ต้องเสียเวลาผ่าตัดพักฟื้นอีกด้วยค่า
Meso Fat vs Botox ตัวตึงคลินิกเสริมความงาม อันไหนปังมากกว่ากัน
ทำความรู้จักเมโสแฟตกับโบท็อกกันสักนิด
อันดับแรกก่อนจะเดินเข้าคลินิกไปทำสวย เรามาทำความรู้จักเมโสแฟตกับโบท็อกกันดีกว่าค่ะ จริง ๆ แล้วตัวยาสองชนิดนี้แม้จะมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการนำไปใช้ปรับรูปหน้า แต่ก็มีหลักการทำงานที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถสรุปได้ง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ
- Meso Fat คือ ตัวยาสลายไขมันเฉพาะส่วน ช่วยให้ไขมันแตกตัวหรือสลายตัวแล้วถูกขับออกจากร่างกายผ่านทางระบบขับถ่าย ส่วนใหญ่เป็นสารสกัดธรรมชาติ มีหลายยี่ห้อตามท้องตลาด ฉีดแล้วเห็นผลใน 1-2 สัปดาห์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันในบริเวณที่ฉีดด้วย โดยตัวยาเมโสแฟตสามารถใช้สลายไขมันได้หลายจุด เช่น แก้ม ใต้คาง เหนียง หน้าท้อง ต้นขา น่อง หรือสะโพก เป็นต้น
- Botox หรือสาร Botulinum Toxin Type A เป็นสารสกัดที่ได้จากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติระงับการทำงานของเซลล์ปลายประสาท จึงช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวและฝ่อเล็กลงชั่วคราว จากนั้นตัวยาจะสลายได้เองภายใน 4-6 เดือน มีหลายยี่ห้อตามท้องตลาดเช่นกัน ฉีดแล้วสามารถเห็นผลใน 1-2 สัปดาห์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้และตำแหน่งที่ฉีด ซึ่งตัวยาโบท็อกสามารถฉีดลดขนาดกล้ามเนื้อและลดริ้วรอยได้หลายตำแหน่ง เช่น กราม กรอบหน้า หน้าผาก หางตา แขน น่อง รวมถึงสามารถฉีดลดเหงื่อบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ หรือฝ่าเท้าได้อีกด้วยค่ะ
ปัญหาบนใบหน้าที่พบบ่อย
รู้จักโบท็อกซ์และเมโสแฟตไปแล้ว คราวนี้มาดูปัญหาใบหน้าที่พบบ่อยกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
- กรามใหญ่ ปัญหานี้อาจขึ้นจากการที่มีกล้ามเนื้อบริเวณกรามเยอะ หรือบางคนมีกระดูกกรามใหญ่จึงทำให้โครงหน้าดูใหญ่ตามไปด้วย
- แก้มเยอะ สำหรับบางคนก็ดูน่ารักดี แต่หลายคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจเพราะถ่ายรูปออกมาแล้วดูหน้าบวมเกินไปหน่อย แถมพออายุมากขึ้น แก้มอวบ ๆ ก็เริ่มหย่อนคล้อยไปตามธรรมชาติ ทำให้กลายเป็นปัญหาหนักใจ
- คางสองชั้น อาจเพราะน้ำหนักขึ้นหรือกินเยอะเกินไปหน่อย ทำให้มีไขมันสะสมอยู่บริเวณใต้คาง แม้จะลดน้ำหนักแล้วแต่คางสองชั้นหรือเหนียงไม่ได้ลดตามไปด้วย
- ริ้วรอย เมื่ออายุมากขึ้นก็เริ่มมีริ้วรอยตามธรรมชาติจึงทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ
หากใครที่กำลังพบกับปัญหาเหล่านี้และรู้สึกกังวลใจ ขอบอกว่าเราสามารถแก้ไขได้โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นค่ะ
ใครควรฉีดแฟต?
สำหรับการฉีดแฟตจะเหมาะกับคนที่มีไขมันบนใบหน้าค่อนข้างเยอะ เช่น คนที่มีแก้มเยอะ หรือมีเหนียงใต้คาง เป็นต้น เพราะตัวยาเมโสแฟตจะไปช่วยสลายไขมัน ทำให้ปริมาณไขมันลดลงได้ถึง 10-15% ในครั้งแรก จึงทำให้เหนียงและแก้มยุบลงได้ แต่ทั้งนี้ผลลัพธ์ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองด้วย เพราะหากกินอาหารที่มีไขมันหรือของหวานเยอะ และไม่ออกกำลังกาย ไขมันก็จะกลับมาสะสมได้ใหม่อีกค่ะ
ฉีดเมโสแฟตยี่ห้อไหนดี >> คลิก
ใครควรฉีดโบ?
ส่วนการฉีดโบท็อกจะเหมาะกับคือคนที่มีปัญหาริ้วรอยหรือมีขนาดกรามใหญ่ที่เกิดจากกล้ามเนื้อบนใบหน้า โดยการฉีดให้กล้ามเนื้อบริเวณที่มีริ้วรอยคลายตัวจะช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ เช่น ทั้งบริเวณริ้วรอยที่หน้าผาก หว่างคิ้ว หางตา เป็นต้น ส่วนการฉีดโบจะช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนคอบริเวณกรอบหน้าและใต้คางคลายตัวชั่วคราวจึงทำให้ใบหน้ายกกระชับขึ้น ช่วยลิฟกรอบหน้า ใบหน้าจึงดูเรียว และหากฉีดบริเวณกล้ามเนื้อส่วนกราม ก็จะทำให้ขนาดของกล้ามเนื้อค่อย ๆ เล็กลงจึงลดขนาดของกรามได้
อย่างไรก็ตาม หากปัญหากรามใหญ่เกิดจากขนาดของกระดูกกรามโดยตรง ตัวยาโบท็อกซ์จะไม่สามารถช่วยให้กรามมีขนาดเล็กลงได้ แพทย์อาจพิจารณาให้ทำหัตถการอย่างอื่นเพื่อปรับรูปหน้าแทนค่ะ
ฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี >> คลิก
Meso Fat กับ Botox ฉีดพร้อมกันได้ไหม?
ส่วนใหญ่การฉีดโบมักจะทำพร้อมกับการฉีดแฟตเพื่อลดไขมันและลิฟกรอบหน้าค่ะ ผลลัพธ์ที่ได้คือจะยิ่งทำให้ใบหน้าดูเรียวกระชับ และสวยได้รูปมากยิ่งขึ้น พร้อมช่วยลดไขมันส่วนเกินบนใบหน้า ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ เพราะสาเหตุของปัญหาใบหน้าแต่ละคนที่แตกต่างกัน วิธีการแก้ไขที่เหมาะสมจึงแตกต่างกันนั่นเอง
Meso Fat กับ Botox ปลอดภัยไหม?
เมโสแฟตกับโบท็อกเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง เพราะตัวยาทั้งสองชนิดสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง แต่มีข้อควรระวังคือไม่ควรฉีดบ่อยมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดการดื้อยาและไม่เห็นผลลัพธ์ได้ตามต้องการ
นอกจากนั้นแล้วควรฉีดกับคลินิกที่ผ่านการรับรองมาตรฐานและแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น เพราะหากฉีดกับหมอกระเป๋าหรือคลินิกเถื่อน ซึ่งมีราคาถูกกว่ามาก ผลลัพธ์ที่ได้ไม่คุ้มเสียแน่นอนค่ะ นอกจากจะเสี่ยงอันตรายกับการฉีดโบท็อกซ์หรือเมโสแฟตปลอมแล้ว ยังอาจทำให้เกิดผลเสีย เช่น หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว คิ้วตก หรือตาบอด จากการฉีดในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องซึ่งเป็นอันตรายได้อีกด้วย
สรุปข้อแตกต่างระหว่าง Meso Fat vs Botox
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เราขอสรุปข้อแตกต่างระหว่างโบท็อกซ์กับเมโสแฟตอีกทีโดยแยกเป็นตารางให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ดังนี้
โบท็อกซ์ (Botox) | เมโสแฟต (Meso Fat) |
ใช้ฉีดให้กล้ามเนื้อคลายตัว เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อและยกกระชับ | ใช้ฉีดสลายไขมัน เพื่อลดไขมันส่วนเกิน |
ช่วยปรับรูปหน้าและทำให้กล้ามเนื้อดูกระชับ ใบหน้าสวยเข้ารูปมากยิ่งขึ้น |
ช่วยสลายไขมันเฉพาะจุด เช่น บริเวณใต้คาง หรือแก้ม ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น |
นิยมฉีดลดกราม ลิฟกรอบหน้า ลดริ้วรอย รวมถึงฉีดลอดน่อง และลดเหงื่อ | นิยมฉีดเพื่อลดแก้มหรือลดเหนียงบนใบหน้า |
เห็นผลใน 1-2 สัปดาห์ และอยู่ได้นาน 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและบริเวณที่ฉีด | เห็นผลใน 1-2 สัปดาห์ และอยู่ได้นาน 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณและการดูแลตัวเองหลังฉีด |
ตัวยาสลายได้เองตามธรรมชาติไม่ทิ้งสารตกค้าง มีความปลอดภัย | ตัวยาสลายได้เองตามธรรมชาติไม่ทิ้งสารตกค้าง มีความปลอดภัย |
สามารถฉีดพร้อมเมโสแฟตได้ (ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์) | สามารถฉีดพร้อมโบท็อกซ์ได้ (ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์) |
ทราบกันแล้วใช่ไหมคะว่าใบหน้าของคุณเหมาะกับการทำหัตถการแบบไหน ควรฉีดอะไรดี หรือถ้าอยากได้ผลลัพธ์แบบปัง ๆ หน้าเรียวสวยขึ้น ริ้วรอยดูกระชับ จะฉีดทั้งสองอย่างพร้อมกันก็ได้ และสำหรับใครที่สนใจแต่ไม่รู้ว่าจะไปฉีดที่ไหน ก็สามารถเข้าไปดูโปรโมชั่นได้จากลิงก์ด้านล่าง หรือเข้าไปเช็กดีลได้จากเว็บไซต์ Mordee.co เว็บไซต์ที่รวบรวมดีลเกี่ยวกับความงามและทันตกรรมเอาไว้เยอะที่สุด คุ้มที่สุดได้เลยค่าาา
อ่านรีวิว จากผู้ใช้งานจริง ที่จองดีลผ่าน Mordee ได้ที่ Mordee Review