สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ กระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้า ใน ไทย
กระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้า (FES) เป็นการรักษาอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อและเส้นประสาท เช่น ผู้ที่มีอาการบาดเจ็บที่ไขสันหลัง หรือผู้ที่มีอาการอัมพาต เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเหล่านั้นสามารถทรงตัวหรือขยับกล้ามเนื้อได้อย่างปกติ
หลักการทำงานของ FES เป็นอย่างไร ?
FES จะเป็นการใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับกล่องสีเหลี่ยม ขนาดเท่ากับกล่องไพ่ ซึ่งทำหน้าที่ปล่อยพลังงานไฟฟ้ารูปแบบเล็ก ๆ เข้าสู่กล้ามเนื้อผ่านทางอุปกรณ์เสริม ทำให้เกิดการสร้างกระแสประสาท เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อและเส้นประสาทซึ่งมีปัญหาในการยืดและหดตัว จนสามารถเคลื่อนไหวได้ในรูปแบบที่ต้องการ เช่น การปล่อยกระแสไฟฟ้าเพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวของแขนขา ในการเดิน หรือการกำมือ การยกแขนขา เป็นต้น
ซึ่งในปัจจุบันกรณีที่เป็นอัมพาตครึ่งซีกที่พบกับปัญหาข้อเท้าตก (Foot Drop) ในเวลาเดิน ก็ได้ใช้อุปกรณ์ช่วยเดินที่เรียกว่า AFO (Ankle-Foot Orthotic) ที่มีระบบ FES ในเป็นหลักในการช่วยพยุงในการเดินอีกด้วย
ทั้งนี้กระแสไฟฟ้ายังสามารถใช้เพื่อระงับความเจ็บปวด รวมไปถึงฟื้นฟู และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบภายในร่างกาย เช่น การควบคุมลำไส้ และกระเพาะปัสสาวะได้อีกด้วย
คนกลุ่มใดที่ควรจะรับการรักษาแบบ FES ?
ในการใช้ FES นั้นเป็นการรักษาที่ต้องใช้การประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ว่าอาการของคุณมีความร้ายแรงมากเพียงใด ดังนั้นมีโอกาสที่จะเป็นไปได้ว่าแม้ว่าคุณเป็นผู้ป่วยที่มีอาการอัมพาต หรือบาดเจ็บที่กระดูกไขสันหลัง ก็มีสิทธิ์ที่การรักษาด้วย FES อาจจะไม่สามารถช่วยคุณได้
และเมื่อคุณผ่านการประเมินอาการและมีการตอบสนองต่อ FES คุณจะได้รับอุปกรณ์ พร้อมด้วยแผ่นอิเล็กโทรด เพื่อใช้ในการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์
FES สามารถรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพในกลุ่มอาการแบบใดได้บ้าง ?
โดยส่วนมากการใช้ FES จะช่วยในการรักษาส่วนของขา แขนและข้อมือ รวมไปถึงระบบภายใน โดยมีตัวอย่างดังนี้
-
ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อในการขยับและทำกิจกรรมต่าง ๆ
-
ช่วยฟื้นฟูการควบคุมกระเพาะปัสสาวะและสำไส้
-
ช่วยในการฟื้นฟูระบบลมหายใจ เพื่อให้คนไข้สามารถหายใจโดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
-
รักษาและป้องกันแผลกดทับ ด้วยการกระตุ้นกล้ามเนื้อสะโพก
-
ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย
-
ลดความเจ็บปวดจากการความเจ็บปวด ด้วยการปิดกั้นการส่งสัญญาณของระบบประสาทชั่วคราว
ประโยชน์ของการเข้ารับการรักษาด้วย FES
ประโยชน์ของการรักษาด้วย FES นอกจากจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้ออย่างตรงจุดและเหมาะสมนั้น ยังสามารถในประโยชน์ได้อย่างมากมาย อาทิเช่น
-
ลดความเสี่ยงของโอกาสในการบาดเจ็บจากกระดูกที่หัก ด้วยการสร้างมวลกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้น
-
ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
-
ช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีจากการออกกำลังกาย
-
ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนจากการเป็นผู้ป่วยติดเตียงเช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ด้วยการเสริมสร้างสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น
-
ทำให้มวลกระดูกที่เสียไปกลับคืนมา
-
ลดความเสี่ยงในโอกาสที่เจ็บป่วย และทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ใครบ้างที่ไม่เหมาะแก่การทำ Functional Electircal Stimulation (FES) ?
ผู้ที่ไม่เหมาะแก่การทำ FES ได้แก่ ผู้ที่มีโรคกระดูกพรุน ผู้ที่มีอาการชักเกร็ง โรคลมบ้าหมู ผู้ที่เคยมีประวัติในการเป็นโรคลิ่มเลือดอุดตัน โรคมะเร็ง รวมไปถึงผู้ที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ประกอบด้วยไฟฟ้าทำงานอยู่ในตัว และสตรีที่กำลังมีครรภ์ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิด หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ยา
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
รูปแบบของ กระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้า (FES) นั้นมีหลายรูปร่าง รวมไปถึงมีความหลากหลายทั้งขนาดและลักษณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่ของการบาดเจ็บ และรูปแบบที่ต้องการจะใช้ในการรักษาไขสันหลังที่ต้องการทำการรักษา
รูปแบบของอุปกรณ์ที่พบบ่อยที่สุดนั่นคือ ลักษณะของกล่องสี่เหลี่ยมใบเล็ก ๆ ที่เรียกว่า the neuromuscular electrical stimulator unit ทำหน้าที่เป็นตัวส่งกระแสไฟฟ้าเข้าสู่กล้ามเนื้อ โดยเริ่มจากตัวกล่องส่งผ่านไปยังแผ่นอิเล็กโทรด (Electrode) ที่แปะติดอยู่กับบริเวณกล้ามเนื้อที่ต้องการ การกระตุ้นกระแสไฟฟ้าผ่านทางตัวนำ
ซึ่งตัวนำในที่นี้มี 2 แบบคือ แบบที่เป็นเส้นสายไฟฟ้า และอีกแบบหนึ่งคือการส่งสัญญาณแบบไร้สาย และตำแหน่งของ อิเล็กโทรดยังสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมระหว่างการแปะบนผิวหนังด้วยแผ่นแปะที่มีความเหนียวและยืดหยุ่น การฝังไว้ในชั้นผิวหนัง รวมไปถึงการฝังไว้ที่กล้ามเนื้อและบริเวณใกล้เคียงรอบ ๆ
ทั้งอุปกรณ์รวมถึงแผนการรักษาทั้งหมดนั้น จะมีการหาข้อสรุประหว่างทีมแพทย์ที่ทำการรักษา และนักกายภาพบำบัด รวมไปถึงแพทย์เแพาะทางต่าง ๆ เพื่อทำแหน่งและระยะเวลาที่เหมาะสมในการใช้ FES เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
สำหรับการรักษาด้วย FES นั้นอาจจะมีเวลารักษาและการพักฟื้นที่แตกต่างกันไปในแต่ละรูปแบบของอาการเจ็บป่วยของแต่ละบุคคล ฉะนั้นการพักฟื้นนั้นอาจจะมีการใช้เวลาเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือนก็สามารถเป็นไปได้
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
การดูแลหลังเข้ารับการรักษาคุณอาจจะต้องเข้าพบนักบำบัดกล้าามเนื้อ เพื่อการฟื้นฟู และ ปรับตำแหน่งของอิเล็กโทรด รวมไปถึงระดับไฟฟ้าที่ต้องใช้ในการกระตุ้น เป็นระยะเพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
การรักษาด้วย FES นั้น เป็นการรักษาที่แพทย์ได้ทำการประเมินในขั้นตอนก่อนการรักษาแล้วว่า กล้ามเนื้อนั้นมีการตอบสนองต่อระบบไฟฟ้า ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะรักษาจะสำเร็จไปได้ด้วยดี อัตราความสำเร็จนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับลักษณะแยกของแต่ละรูปแบบอาการอีกด้วย ดังนั้นหากต้องการอัตราความสำเร็จในระดับที่สูงก็ต้องทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด รวมถึงหมั่นเข้ารับกายภาพบำบัดควบคู่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา
ประเทศไทย มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางราชการว่า ราชอาณาจักรไทย ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายโดยแบ่งออกเป็น 4 ภูมิภาค 77 จังหวัด และมีอากาศค่อนข้างร้อนชื้นตลอดทั้งปี
เป็นที่ยอมรับกันว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก นำพาชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยให้เดินทางมาท่องเที่ยวและอาศัยอยู่ในประเทศไทยด้วยเหตุผลนานานับประการ และในปัจจุบันประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เนื่องจากมีความพร้อมในการให้บริการที่ได้มาตรฐานในระบบสากล รวมทั้งมีค่ารักษาพยาบาลที่ถูกกว่า และใน ปัจจุบัน ประเทศไทย มีจํานวนสถานพยาบาล ที่ได้รับ การรับรอง มาตรฐาน ในระดับ สากล JCI มากที่สุดใน AEC ถึง 56 แห่ง ซึ่งมาก เป็นอันดับ 4 ของโลก อีกด้วย
จังหวัดท่องเที่ยวที่ยอดนิยมของไทย
กรุงเทพมหานคร อันดับหนึ่งตลอดกาลคงต้องยกให้กับจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยและเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีย่านธุรกิจ และ แหล่งช้อปปิ้งอีกมากมาย ซึ่งถ้าพูดถึงที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ทุกคนต้องแวะไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติคือ วัดพระแก้ว, วัดอรุณ, วัดโพธิ์, เยาวราช, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งการเดินทางคมนาคมในกรุงเทพฯนั้นก็แสนจะสะดวกสบาย สามารถเดินทางได้โดยขนส่งสาธารณะ เช่น Airport link, BTS, MRT, รถแทกซี่, รถเมล์, รถตุ๊กตุ๊ก เป็นต้น
เชียงใหม่ เชียงใหม่ก็ถือเป็นเมืองยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในช่วงหน้าหนาว ซึ่งมีอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบายละมีบรรยากาศที่ดี เชียงใหม่ยังเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ และยังเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม สถานที่ที่น่าสนใจในเชียงใหม่ ได้แก่ วัดพระธาตุดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ ถนนนิมมานเหมินทร์ วัดอุโมงค์ เป็นต้น เชียงใหม่เป็นเหมือนศุนย์กลางการท่องเที่ยวทางภาคเหนือ เพราะสามารถต่อรถไปยังที่เที่ยวรอบ ๆ ได้อย่างสะดวก เช่น จ. เชียงราย, จ. แม่ฮ่องสอน เป็นต้น
ภูเก็ต เกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีหาดทรายที่สวยงาม มีน้ำทะเลใส เหมาะกับการเล่นน้ำและดำน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำแบบอื่น ๆ ชายหาดที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวก็คือ หาดป่าตอง, หาดกะตะ, หาดกะรน เป็นต้น ทั้งสามารถซื้อทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับยังเกาะใกล้ ๆได้ เช่น หมู่เกาะพีพี, เกาะราชา, เกาะไข่ เป็นต้น หากใครที่ไม่ชอบทะเล ก็สามารถเข้าไปเที่ยวชมวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวภูเก็ตภายในตัวเมืองได้ เช่น สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสที่ถนนถลาง, ซอยรมณีย์ หรือ ไหว้พระขอพรจากวัดฉลองซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวภูเก็ต เป็นต้น
พัทยา ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนและเป็นที่นิยมมากแห่งหนึ่งไม่แพ้สถานที่อื่น ๆ และเป็นที่รู้จักกันมากกว่าตัวจังหวัด และเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของคนไทยเพราะใกล้กรุงเทพเพียงแค่ 100 กิโลเมตร สามารถมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้สบาย และนอกจาก วอล์คกิ้งสตรีท ที่หลายๆคนนึกถึง พัทยายังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ปราสาทสัจธรรม, สวนน้ำรามายณะ เป็นต้น ซึ่งการเดินทางยอดนิยมสำหรับการมาพัทยาคือ การขับรถยนต์ส่วนตัว และการนั่งรถตู้จากกรุงเทพฯ และเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเดินทางมาพักผ่อนแบบครอบครัวอีกด้วย
สภาพภูมิอากาศของประเทศไทย
ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เขตศูนย์สูตร มีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เป็นตัวกำหนดลักษณะอากาศของประเทศไทย พื้นที่ส่วนบนเป็นภูเขาและที่ราบสูง พื้นที่ส่วนกลางเป็นที่ราบลุ่ม พื้นที่ทางใต้เป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล
ลักษณะภูมิอากาศ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ฤดูกาล ดังนี้ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม, ฤดูฝน จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน ถึงตุลาคม และฤดูหนาว จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ถึงมกราคม
อุณหภูมิโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ร้อนและไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีค่าเฉลี่ยทั่วประเทศประมาณ 27 องศาเซลเซียส มีค่าสูงสุดเฉลี่ย 32 องศาเซลเซียส และและต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส โดยมีค่าอุณหภูมิผันแปรตามสภาพภูมิประเทศ กล่าวคือ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศร้อนจัดและหนาวจัดกว่าภาคอื่น ๆ, ภาคกลางและภาคตะวันออก มีบางส่วนของพื้นที่ติดกับทะเล ทำให้อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วไปประมาณ 28 องศาเซลเซียส, ภาคใต้ทั้งสองฝั่งล้อมรอบด้วยทะเล อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27.3 องศาเซลเซียส
การเดินทางในประเทศไทย
การเดินทางในประเทศไทย ไม่ว่าจะเดินทางไปที่จังหวัดไหนก็มีความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางอากาศ หรือทางน้ำ
ทางบก ก็มีเส้นทางหลักที่สะดวกไปได้ทั่วถึงทุกจังหวัดในประเทศไทย และมีทางเลือกที่หลากหลาย เช่น การเดินทางโดยรถประจำทาง, รถแทกซี่ (มีบริการในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ๆ), รถมอเตอร์ไซค์ (นิยมใช้บริการในระยะใกล้ๆ) รถเช่า, หรือรถยนต์ส่วนบุคคล
ทางอากาศ ปัจจุบันประเทศไทยมีสายการบินในประเทศหลายสาย ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยอดนิยม เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว
ทางน้ำ เนื่องจากเมืองไทยมีแม่น้ำลำคลองอยู่ทั่วไป และยังมีหลายคลองที่มีเรือโดยสารวิ่งรับส่งคนตามท่าเรือต่าง ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ
ประชากรในประเทศไทย
ประเทศไทย มีจำนวนประชากรโดยประมาณ 65 ล้านคนซึ่งมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ โดยประมาณ 3 ใน 4 มีเชื้อสายไทย นอกจากนี้ยังมีคนไทยเชื้อสายจีนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนไทยเชื้อสายมลายูในภาคใต้ตอนล่าง และคนไทยเชื้อสายมอญ เขมร และชาวเขาเผ่าต่าง ๆ และประชากรส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ตามลำดับ
ข้อมูลอื่น ๆ
ภาษา ประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาราชการเพียงภาษาเดียว มีการระบุว่าเป็นภาษาหลักของการศึกษาและใช้ในราชการ ในขณะที่ ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่สองที่พบมากที่สุดในประเทศไทย
สกุลเงิน สกุลเงินที่ใช้เป็นสกุลเงินบาท
วันหยุด ราชการ ที่สำคัญ ของไทย ได้แก่ วัน ขึ้นปีใหม่, วัน สงกรานต์,วัน เฉลิมพระชน มพรรษา ของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินี, วัน แม่แห่งชาติ เป็นต้น
การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทย
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นับเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาลในเวลาที่ผ่านมา การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในประเทศไทย เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและโดดเด่น โดยที่ประเทศไทย ติดอันดับ 1 ของ เอเชีย เนื่องจากไทยมีหน่วยการแพทย์ที่มีคุณภาพ มีราคาที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้การรักษา รวมถึงประเทศไทยนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ มีจุดเด่น ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก และมีสถานพยาบาลที่พร้อม เช่น กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ภูเก็ต, และเกาะสมุย เป็นต้น