สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ การกำจัดไฝ ใน กรุงเทพมหานคร
การกำจัดไฝ (Mole Removal) คืออะไร ?
Mole Removal หรือ การกำจัดไฝ เป็นวิธีรักษาผิวหนังซึ่งเป็นกระบวนทางศัลยกรรม โดยก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจถึงภาพของไฝเพื่อเลือกวิธีการรักษาให้ถูกวิธีโดย ไฝ (Mole) หรือ ขี้แมลงวัน (Fleck) สามารถเกิดขึ้นจากอาการผิดปกติของเม็ดสีในชั้นผิวหนัง ซึ่งโดยส่วนมากนั้นจะไม่เกิดอาการผิดปกติใดเพิ่มเติม และไม่เป็นอันตราย แต่ไฝบางประเภทก็อาจจtนำไปสู่โรคมะเร็งผิวหนังได้
ประเภทของไฝ
ประเภทของไฝนั้นแบ่งได้ 3 ประเภทหลัก ๆ คือ
1. ไฝที่ได้รับติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด หรือครั้งยังเป็นทารก
2. ไฝที่ได้รับในตอนที่โตแล้ว ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การสะสมของเม็ดสีที่เกิดจากการตากแดด หรือเกิดจากการใช้ยาสเตียรอยด์
3. ไฝที่ไม่ปกติ มีลักษณะของไฝที่มีหลายสีและพื้นผิวไม่เรียบ ซึ่งไฝชนิดนี้อาจเกิดจากการเปลี่ยนรูปร่างของไฝปกติได้
ลักษณะของไฝที่ควรเฝ้าระวัง
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า ไฝบางประเภทนั้นหากไม่นำออก หรือปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีทางการรักษา ก็จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่อันตรายอย่างโรคมะเร็งได้ ดังนั้นจึงต้องเฝ้าระวังลักษณะของไฝบางประเภทเป็นพิเศษ และหากพบว่ามีความผิดปกติให้ปรึกษาแพทย์โดยทันที โดยมีลักษณะดังนี้
-
Asymmetry ครึ่งหนึ่งของไฝ มีลักษณะแตกต่างจากบริเวณอื่น
-
ฺBorder มีขอบเขตของไฝที่ไม่ชัดเจน
-
Color ไฝที่มีสีดำ หรือมีหลายสีภายในเม็ดเดียว
-
Diameter ไฝที่มีขนาดมากกว่า 6 มิลลิเมตรขึ้นไป
-
Evolving ไฝที่มีขนาด และการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างอย่างผิดปกติ
การเตรียมตัวก่อนการกำจัดไฝ
ในการเตรียมตัวทำ Mole Removal นั้น เราควรที่จะหลีกเลี่ยงการตากแดด หรืองดการสัมผัสกับแสงอาทิตย์โดยไม่จำเป็น ก่อนก่ารเข้ารับเลเซอร์จี้ไฝ ประมาณ 7 ถึง 14 วัน เพราะอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง หรือรอยด่างดำได้ นอกจากนี้ในวันที่เข้ารับการกำจัดไฝ ควรงดใช้เครื่องสำอาง เพราะอาจจะทำให้เกิดความระคายเคืองเช่นกัน
ขั้นตอนการทำ Mole Removal
การกำจัดไฝด้วยเลซอร์นั้น จะใช้เวลาประมาณ 15 ถึง 30 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดของไฝ โดยมีรายละเอียดดังนี้
-
เริ่มจากการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด และเผยให้เห็นจุดไฝที่ต้องการกำจัดของชันเจน
-
จากนั้นก็เริ่มทายาชาบริเวณที่ต้องการจะเลเซอร์
-
รอให้ยาชาออกฤทธิ์ซึ่งอาจใช้เวลาในช่วงเวลา 30 ถึง 45 นาที
-
ในกรณีที่มีการเลเซอร์ที่ใบหน้า แพทย์ จะทำการปิดตา เพื่อปกป้องดวงตา จากแสงเลซอร์
-
หลังยิงเลเซอร์เสร็จแล้วสามารถกลับบ้านได้ทันที
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
Mole Removal เป็นการรักษาพยาบาลด้านศัลยกรรม รวมไปถึงเพื่อตรวจหาความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งผิวหนังได้
การกำจัดไฝมีกี่แบบ ?
ในปัจจุบันการกำจัดไฝนั้น มีมากมายหลากหลายวิธี รวมไปถึงการทาครีม และกำจัดไฝด้วยตัวเอง แต่วิธีเหล่านั้นอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง และเกิดปัญหาตามมาได้ ดังนั้นหากวิธีที่ได้รับการยอมรับจึงปลอดภัยและสะดวกกว่าดังเช่นวิธีการที่จะกล่าวถึงต่อไป
-
การจำกัดไฝด้วยวิธีการทางการแพทย์
วิธีนี้ยังสามารถแบ่งได้อีก 2 ประเภทย่อย ๆ คือ การเฉือน (Shave Excision) การจำกัดไฝชนิดนี้จะใช้เครื่องมือที่คล้ายกับมีดโกนเฉือนผิวหนังที่มีไฝรวมถึงผิวหนังโดยรอบฐานออก ตามด้วยการจี้ไฝด้วยคลื่นไฟฟ้า (Electrosurgical) และการผ่าตัด (Surgical Excision) ซึ่งเป็นวิธีการดั่งเดิมคือการเฉือนผ่าลึกลงไปในชั้นไขมันใต้ผิวจากนั้นจะเย็บแผลผ่าตัด
-
การจี้ไฝ
เป็นรูปแบบที่นิยมใช้กันทั่วไปและเน้นเรื่องของความสวยงามเป็นหลักซึ่งประกอบไปด้วยหลากหลายวิธีการ และสามารถใช้บริการได้ตามคลินิกเสริมความงามได้อีกด้วย โดยจะมีวิธีการที่รู้จักและรักษากันโดยทั่วไปได้ดังนี้
จี้ไฝด้วยเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Laser) เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 10,600 นาโนเมตร ซึ่งการจี้ไฝด้วยวิธีถือว่าเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมา มีความปลอดภัยสูง มีโอกาสเกิดแผลเป็นได้น้อย และสามารถรักษาได้อย่างถาวร
จี้ไฝด้วยไฟฟ้า (Electrosurgery) เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าความถี่สูง จี้เข้าไปเพื่อทำลายเซลล์ไฝ เป็นวิธีรักษาที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีไฝไม่ใหญ่มาก แต่วิธีนี้มีข้อเสียหลักๆคืออาจจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้สูงการจี้ด้วยเลเซอร์
จี้ไฝด้วยความเย็น (Liquid Nitrogen) เป็นการใช้ไนโตรเจนเหลวที่มีความเย็นจัดที่มีอุณหภูมิถึง - 196 องศา จี้ลงไปที่ไฝทำให้อุณหภูมิของผิวหนังบริเวณนั้นลดลงอย่างรวดเร็วและทำให้เกิดน้ำแข็งเกาะไฝฝ่อและแห้งเป็นสะเก็ดหลุดออกไปในที่สุดในปัจจุบันก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก เนื่องจกใช้เวลานานและอาจทำให้เกิดรอยดำได้
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
หลังจากจี้ไฝเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วสิ่งควรปฏิบัติคือ การดูแลจุดที่ทำการเข้ารับการจี้ไฝ ตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ให้บริการ ได้แก่
-
ไม่ควรให้แผลโดนน้ำเป็นเวลาประมาร 24 ชั่วโมง หลังจากการจี้ไฝ
-
ใช้ขี้ผึ้งทาในบรเวณที่ได้รับการจี้ เพื่อฆ่าเชื้อจนครบ 7 วัน หรือจนกว่าสะเก็ดแผลจะหลุดออก
-
ทำแผลวันละ 2 ครั้ง และทายาที่แพทย์ให้อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องการอักเสบของแผล
-
ห้ามแกะเกาในบริเวณที่แผลตกสะเก็ด และควรปล่อยให้หลุดออกไปเอง
-
หลีกเลี่ยงการตากแสงแดดโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้ผิวคล้ำมากขึ้น
-
งดเว้นหรือหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางในบริเวณที่ได้รับการจี้ไฝจนกว่าแผลจะหายเป็นปกติ
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
หลังจากเขารับการทำ Mole Removal แล้วนั้น ควรดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดอย่างน้อยเป็นระยะเวลา 7 วันเพื่อผลในการรักษาที่สมบูรณ์และลดโอกาสในการเกิดรอยดำ หรือแผลตกค้าง หลังจากการเข้ารับการรักษาแล้ว
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
ตามปกติแล้วอัตราความสำเร็จของการทำ Mole Removal นั้นเป็นอัตราสำเร็จที่แน่นอน แต่ระยะเวลาในการรักษาจะขึ้นอยู่กับขนาดของไฝ เพราะหากมีขนาดใหญ่ มากก็มีความจำเป็นจะต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้งเพื่อทำการถอนรากออกทั้งหมด ป้องกันการเกิดไฝที่เดิมอีกครั้งหนึ่่ง ซึ่งหากหลังจากการกำจัดไฝ แล้วยังพบว่ากลับมาเป็นซ้ำและมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ให้รีบเข้าพบแพทย์โดยทันนี้ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งได้ และหากเกิดการอักเสบ มีแผลพุพองขึ้น หรือเกิดอาการผิดปกติอื่น ๆ ก็แนะนำให้รีบพบแพทย์โดยทันทีเช่นกัน
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง