สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับดูดไขมันหน้าท้องในประเทศไทย
ถ้าพูดถึงเรื่องศัลยกรรม หลายๆคนคงคิดถึง การศัลยกรรมจมูก ศัลยกรรมหน้าอก สะส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบันการศัลยกรรมมีหลายอย่างมากมาย และการดูดไขมันหน้าท้องก็เป็นการศัลยกรรมเหมือนกันที่ทำให้คุณมีหุ่นและรูปร่างที่ดีได้ ปัจจุบันการศัลยกรรมเป็นเรื่องใกล้ตัวสำหรับคนหนุ่มสาวสมัยนี้ การดูดไขมันหน้าท้องตอบโจทย์คนที่ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายสักเท่าไหร่ หากใครที่สนใจการดูดไขมันนั้น มาทำความรู้จักเกี่ยวกับการดูดไขมันคืออะไร แล้วต้องเตรียมต้วอย่างไรบ้าง
การดูดไขมันหน้าท้อง เป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินที่ช่วงหน้าท้องด้วยเครื่องดูดไขมัน เซลล์ไขมันจะถูกพลังงานจากเครื่องดูดไขมันทำให้แตกตัวและถูกกำจัดออกผ่านท่อขนาดเล็ก การดูดไขมันหน้าท้องปัจจุบันศัลยแพทย์สามารถออกแบบหน้าท้องให้แบนเรียบ การดูดไขมันหน้าท้องช่วยเรื่องหน้าท้องแบนราบแล้วนั้น ยังสามารถดูดไขมันในการสร้างซิกแพคอีกด้วย
การดูดไขมัน Six Pack Line คือ การดูดไขมันบริเวณหน้าท้องบางตำแหน่ง และตกแต่งให้เกิดรูปร่างซิกแพคที่สวยงามได้รูปทรง กล้ามเนื้อเป็นลอนชัดเจนและดูแข็งแรงเหมือนกับคนที่ออกกำลังกายหน้าท้องเป็นประจำ ทั้งนี้ การดูดไขมัน Six Pack Line ไม่ใช่การลดน้ำหนักแต่อย่างใด แต่เป็นทางลัดหนึ่งที่ช่วยให้หน้าท้อง มีรูปทรงซิกแพคได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีควรออกกำลังกายร่วมด้วย เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความชัดเจนและคงทนถาวรมากยิ่งขึ้น การดูดไขมันหน้าท้องราคาประมาณอยู่ที่หลักหมื่นจนถึงหลักแสนก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับเทคนิคอุปกรณ์ของแพทย์ศัลยกรรมของแต่ละบุคคล
Key point
- การดูดไขมันหน้าท้องช่วยลดหน้าท้องแบนราบ
- การดูดไขมันหน้าท้องเหมาะสำหรับคนไม่ชอบออกกำลังกาย
- การดูดไขมันหน้าท้องมีรูปแบบสามารถสร้างซิกแพคได้อีกด้วย
การทำดูดไขมันมีขั้นตอนอะไรบ้าง/เตรียมตัวอย่างไรบ้าง
การเตรียมตัวก่อน ดูดไขมันหน้าท้อง
- สิ่งแรกเลยก็คือ การศึกษาหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการดูดไขมัน และความเสี่ยงต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดูดไขมัน เพื่อจะได้ทราบถึงขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ
- ในการเลือกดูดไขมัน ควรรับบริการดูดไขมันกับแพทย์ที่ได้รับใบประกอบ และคลินิกที่ได้มาตรฐานมีใบอนุญาตถูกต้องเท่านั้นนะคะ เพื่อลดความเสี่ยงและเอฟเฟคที่จะเกิดผลเสียกับเราหลังจากทำการดูดไขมัน
- ปรึกษาแพทย์และสอบถามเกี่ยวกับข้อสงสัยต่างๆให้ละเอียด ถามให้เรื่องที่เรามีความกังวลเรื่องการดูดไขมัน แล้วค่อยตัดสินใจทำการรักษา
- การเตรียมพร้อมร่างกายก่อนทำการดูดไขมันก็เป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน ก่อนเข้าทำการรักษาดูดการดูดไขมันนั้น จำเป็นต้องงดเครื่องดื่มแอลกฮอล์ อาหารเสริมต่างๆ และยากลุ่มแอสไพริน ก่อนทำการดูดไขมันอย่างน้อยเป็นเวลา 2 สัปดาห์
- หากมียาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ มีโรคประจำตัว หรือมีอาการแพ้ยา ต้องทำการแจ้งแพทย์ก่อนทำการดูดไขมัน
ขั้นตอนการดูดไขมันหน้าท้อง
- กำหนดตำแหน่งที่ต้องการดูดไขมันออก ในกรณีที่จะดูดไขมันออกเพียงจุดเดียว
- การให้ยาระงับความรู้สึก แบบ ยาชา ต้องมีไขมันปริมาณไม่มาก อาจใช้ยาชา แต่ถ้าดูดไขมันหลายจุด และปริมาณมากจะต้องทำภายใต้การดมยาสลบ
- เจาะผิวหนังขนาด 0.5 มิลลิเมตร เพื่อใส่เข็มดูดไขมัน และทำการดูดด้วยเครื่องดูดไขมัน เมื่อเสร็จสิ้นการดูด ไขมัน แพทย์จะเย็บปิดแผลซึ่งมีขนาดเล็กประมาณ 1-2 เข็มเท่านั้น ระยะเวลาของการดูดไขมันจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งและปริมาณของไขมัน
- ใช้ผ้ายืดพันรอบบริเวณที่ดูดไขมัน
การพักฟื้นหลังดูดไขมันหน้าท้อง
การดูดไขมันหน้าท้องปกติอาจจะมีอาการบวมช้ำเกิดขึ้นบ้าง หลังจาก 1 – 2 อาทิตย์อาการเขียวจะหายไปเอง การพักฟื้นหลังดูดไขมันโดยส่วนใหญ่ประมาณ 3 วัน และมีการตัดไหมหลังดูดไขมัน 7 วัน
วิธีการดูแลตัวเองหลัง ดูดไขมันหน้าท้อง
หลังการดูดไขมันอาจจะมีอาการบวม ช้ำ เกิดรอยเขียวอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังจากการดูดไขมัน อาจเกิดรอยแผลเป็น บริเวณจุดทางเข้าอุปกรณ์ที่ใช้ดูด เป็นแผลเป็นขนาดเล็กมีขนาดเท่ากับหลอดยาคูล โดยสามารถเลือกได้ว่า จะเย็บปิดแผลให้สวยงาม หรือ เปิดไว้เพื่อให้ระบายน้ำเกลือออกได้ดีกว่า หลังทำควรหลีกเลี่ยงการโดนน้ำบริเวณแผล จนกว่าแผลจะแห้งสนิทหากต้องการทาครีมลดรอยแผลเป็น ควรทิ้งระยะไว้ 2สัปดาห์หรือรอจนกว่าแผลจะแห้งสนิท
และขั้นตอนที่สำคัญที่สุดก็คือ การสวมชุดกระชับหลังทำการดูดไขมัน เนื่องจากหลังทำการดูดไขมัน จะมีช่องว่างในชั้นผิวอยู่
การสวมชุดกระชับ จะทำให้เนื้อเรียบเนียนและแนบชิดเข้ารูปสวยตามที่ต้องการ แนะนำว่าให้เป็นชุดกระชับที่ออกแบบมาสำหรับการใช้หลังจากการดูดไขมัน และต้องใส่ต่อเนื่อง1-2 เดือน
โดยเดือนแรกแนะนำให้ใส่ตลอดเวลา เพราะการสวมชุดกระชับคือขั้นตอนการดูแลหลังจากการดูดไขมันที่สำคัญที่สุด สวมใส่เสื้อผ้าหลวมๆ เพราะหลังทำการดูดไขมัน ต้องใส่ชุดกระชับตลอดเวลา จะได้ไม่รู้สึกอึดอัดและรู้สึกคล่องตัวกว่างดทานของหมักดอง และเครื่องดื่มแอลกฮอล์ เพื่อให้แผลหายเร็วขึ้นทานยาที่แพทย์สั่งหลังจากการรักษา อย่างสม่ำเสมอ
การดูดไขมันหน้าท้อง อาจทำให้เซลล์ไขมันในส่วนนั้นของคุณหายไป แต่อย่าลืมว่า หากกลับไปบริโภคอาหารที่ให้พลังงานมากกว่าที่ต้องการในแต่ละวัน ก็อาจจะทำให้ไขมันกลับมาพอกพูนในเซลล์ส่วนอื่นที่ไม่ได้ถูกทำลาย ฉะนั้น หลังดูดไขมันแล้ว ควรหันมารับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งระยะ 6 เดือนแรก เป็นระยะที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อให้ผลของการดูดไขมันนั้นคุ้มค่า
อัตราประสบความสำเร็จ
หลังจากการดูดไขมันขาเสร็จสิ้นเรียบร้อยจะเกิดอาการเหล่านี้ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เช่น
- มีการบวมและช้ำ ซึ่งอาจเป็นนานถึง 6 เดือน
- มีอาการชา ซึ่งจะหายไปเองภายใน 6-8 สัปดาห์
- อาจมีรอยแผลเป็น
- เกิดการอักเสบในบริเวณที่รับการรักษา
- มีการสะสมของของเหลว เป็นถุงใต้ผิวหนัง
ในบางรายอาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงที่ผิดพลาด ดังต่อไปนี้
- หลังจากการดูดไขมันขาแล้วเป็นก้อนไม่สม่ำเสมอ
- การเปลี่ยนแปลงของสีผิวในพื้นที่ที่ได้รับการรักษา
- ห้อเลือด
- เกิดอาการชาเป็นระยะเวลาหลายเดือน
- อาจสร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายในระหว่างขั้นตอนการดูดไขมัน เช่น เข็มหรือท่อแทงทะลุลำไส้
- ภาวะไขมันหรือลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด
- ปอดบวมน้ำ หัวใจล้มเหลว ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
นอกจากนั้น ขั้นตอนการรักษาอาจทำให้เกิดความเสี่ยง เช่น มีเลือดออกมาก เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ เกิดการติดเชื้อ หรือมีอาการแพ้ยาชา
มีทางเลือกอื่นๆในการทำศัลยกรรมการดูดไขมันหน้าท้องหรือเปล่า
การทำให้คุณมีหุ่นที่ รูปร่าง สัดส่วนที่สวย นั้น ควรทำอย่างไรบ้าง
- ออกกำลังกาย คือ การทำกิจกรรมหรือออกแรง เคลื่อนไหว สิ่งต่างๆของร่างกาย ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ เช่น การเดิน การวิ่ง หรือการทำกิจวัฏประจำวันต่างๆ เป็นต้น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก่อให้เกิดผลดีต่อสุขภาพ โดยช่วยจัดระเบียบร่างกายและควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกายด้านต่าง ๆ ได้แก่ ความทนทาน ความแข็งแรง การทรงตัว และความยืดหยุ่น เป็นต้น และการออกำลังกายนั้น ส่งผลให้มีหุ่นที่ดี และสัดส่วนที่ชัดขึ้น โดยไม่ต้องเสียเงินทำศัลยกรรมใดๆเลย
- การควบคุมอาหาร ก็คือ การควบคุมปริมาณอาหารที่จะรับประทานให้รับประทานน้อยลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องลดคุณภาพอาหารไปด้วย ตรงกันข้ามคุณภาพอาหารจะต้องดียิ่งขึ้นเพื่อชดเชยกับปริมาณอาหารที่น้อยลงนั่นเองค่ะ การควบคุมอาหารนั้นเราจะควบคุมทั้งปริมาณและคุณภาพเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและลดน้ำหนักไปด้วยในตัว การควบคุมอากหารจะช่วยให่หุ่นดีและสัดส่วนเห็นชัดเจนขึ้น
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง