สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ การผ่าตัดเสริมจมูก ใน กรุงเทพมหานคร
การเสริมจมูก นั้นเรียกได้ว่า เป็นการ ศัลยกรรม ที่ได้รับ ความนิยม เป็นอย่างมาก ในประเทศไทย คือ มีถึงร้อยละ 80 ที่นิยม เสริมจมูก ใครที่อยากสวย และสำหรับ ผู้ที่มี ปัญหา เกี่ยวกับจมูก ก็ไม่ใช่ เรื่องยาก อีกต่อไป ซึ่งใช้เวาลาในการทำไม่เพียงนาน โดยเฉลี่ย 45 นาที – 1 ชั่วโมง และพักรักษาตัว เพียงไม่กี่วัน ก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ดังนั้น จึงเป็นเรื่อง ที่ง่ายมาก ๆ และใคร ๆ ก็ทำได้ อีกทั้ง ในปัจจุบัน การเสริมจมูก นั้นก็มี ราคาที่ ไม่แพง เหมือนสมัยก่อน
วัสดุ ที่ใช้ เสริมจมูก กันใน ปัจจุบัน มี 3 ประเภท คือ 1. กระดูกอ่อน 2. ซิลิโคน 3. ฟิลเล่อร์
1. กระดูกอ่อน ในส่วนของ กระดูกอ่อน นั้นจะนำมาจาก ร่างกาย ของผู้ทำเอง มี 2 ส่วนคือ กระดูกอ่อน ที่มาจาก ซี่โครง ส่วนมาก จะนำมาใช้ ในกรณี ที่เกิด อุบัติเหตุ หรือเป็นมา ตั้งแต่ กำเนิด แต่จะไม่ นิยมนำมา ใช้เสริม เพื่อความ สวยงาม ส่วนที่สอง จะเป็น กระดูกอ่อน จากใบหู ส่วนมาก จะใช้เสริม บริเวณ ปลายจมูก
2. ซิลิโคน จะมี ด้วยกัน 2 แบบ คือ ซิลิโคน แบบเหลาเอง และ ซิลิโคน สำเร็จรูป ซึ่งจะมี ข้อดี ข้อเสียแตกต่าง กันไป
3. ฉีดฟิลเล่อร์ ซึ่งเพิ่งจะ เริ่มได้รับ ความนิยม กันเพียง ไม่นาน โดยการ ใช้สาร ฟิลเลอร์ ปรับแต่ง จมูกที่ไม่ได้ สัดส่วน ให้ได้ จมูก ที่ดูเป็น รูปทรง ซึ่งใช้เวลา ทำเพียง ไม่นาน และไม่ต้อง พักรักษาตัว ส่วนค่าใช้จ่าย นั้นก็ไม่แพง อย่างที่คิด
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
วิธีการ ผ่าตัด เสริมจมูก ซิลิโคน
1. เริ่มต้นจาก ทำความ สะอาด บริเวณรอบ ๆ จมูก, บริเวณ โพรงจมูก และบริเวณ ที่จะทำ การผ่าตัด ให้เรียบร้อย
2. ฉีดยาชา บริเวณ ที่จะ เสริมจมูก หรือไม่ก็ ใช้ยา นอนหลับ ที่ออกฤทธิ์ ระยะ เวลาสั้น ๆ เพื่อ คลายความ กังวล
3. ทำการ ผ่าตัด แยกเนื้อเยื่อ และส่วนต่าง ๆ ออกจากัน
4. ขั้นตอน ถัดไป จะเป็น เทคนิค ของแพทย์ ในการใส่ ซิลิโคน เพื่อเสริม เข้าไป ซึ่งแต่ละคน จะทำไม่เหมือนกัน ใช้เวลา ในการ ผ่าตัด ประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมง
5. หลังจาก ผ่าตัด เรียบร้อยแล้ว นอนพัก เป็นเวลา 1 ชั่วโมง หลังจาก ผ่าตัด เสร็จเรียบร้อยแล้ว พอให้หมด ฤทธิ์ยา จึงกลับบ้านได้
6. การเสริมจมูก นั้นไม่ต้อง ตัดไหม เพราะไหม ที่ใช้เป็น ไหมละลาย
การศัลยกรรม เสริมจมูก ที่ได้รับความนิยม
1. จมูก ทรงหยดน้ำ เป็นทรงที่ คนส่วนใหญ่ นิยมทำ มากที่สุด เป็นจมูก ที่มีส่วนปลาย เป็นทรงเหมือนน้ำ กำลังหยด ทรงนี้ ทำแล้ว ดูเข้ากับ ใบหน้า อย่างเป็น ธรรมชาติ ซึ่งทำให้ ดูหน้าคม ๆ หวาน ๆ สวยแบบพอดี ๆ สร้างความโดดเด่น ไม่เหมือนใคร สำหรับคน ที่จะทำ จมูกทรงนี้ จะต้องมี สันจมูกยาว และมีเนื้อปลาย จมูกเยอะ ระดับหนี่ง แต่หากมี เนื้อปลายจมูก น้อยเกินไป ก็สามารถ เกิดการรั้ง และยังมี ความเสี่ยง ที่ปลายจมูก จะทะลุได้
2.จมูกทรง ปลายเชิด ทรงจมูก แบบนี้ ทำให้ดู สวยเด่น เป็นธรรมชาติ เช่นกัน เหมาะสำหรับ คนที่มี หรือไม่มีดั้ง อยู่แล้วก็ได้ และไม่มี เนื้อตรงปลายจมูก มากนัก ปลายเชิด ที่ไม่สูง มากนัก จะทำให้ดู เป็นธรรมชาติ มาก ๆ จึงเรียกได้ว่า เป็นทรง มาตรฐาน ซึ่งใคร ๆ ก็ทำได้ เพราะดูสวย เป็นธรรมชาติ ที่สุด เสริมโหงวเฮ้ง ได้ดีอีกด้วย
3. จมูกทรง ปลายพุ่ง จะเป็นการ ใส่ซิลิโคน ตั้งแต่ ส่วนสันจมูก พุ่งลงมา จนถึงปลาย จึงเป็นทรง ที่เหมาะสำหรับ คนที่ ดั้งไม่พุ่ง และไม่มีดั้ง หรือดั้ง ไม่สมส่วน ได้รูป จมูกทรง ปลายพุ่ง ทำให้จมูก ดูมีสันคม สวยได้รูป และปลายที่พุ่ง ของจมูก ทำให้จมูก ดูเรียว เล็กลง ดูสวยคม มากขึ้น
4. การเสริมจมูก ด้วยกระดูกอ่อน ซี่โครง เป็นการนำ กระดูกอ่อน ซี่โครงอ่อน อวัยวะ ของตัวเอง นั้นมาเป็น วัสดุ แทนซิลิโคน ซึ่งเป็นอีก เทคนิคหนึ่ง ที่ใช้ใน การเสริมจมูก ทำให้ดู สวยเป็น ธรรมชาติมาก มีข้อดี คือมีความ ปลอดภัยสูง เพราะเป็น เนื้อเยื่อ จากร่างกาย ตัวเอง จึงทำให้ ไม่แพ้ และเข้ากับ ร่างกาย ได้ดีมาก แต่มีข้อเสีย คือ ต้องเจ็บตัว ถึง 2 ครั้ง เพราะต้อง ผ่ากระดูก ซี่โครง และจมูก อีกทั้งยังมี ราคาแพง แถมยังได้รับ ความนิยม ไม่เท่า ซิลิโคน และแพทย์ ผู้ทำการผ่าตัด นั้นต้องมี ความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ อย่างมากอีกด้วย
5. การตกแต่ง สันกระดูก จมูก การตกแต่ง กระดูก สันจมูก นั้นมีไว้ แก้ปัญหา สำหรับ ผู้ที่จมูก โด่งแต่ไม่ได้รูป ที่สวยงาม เช่น สันจมูกนูน ไม่เรียบ ไม่เข้ารูป คด เบี้ยว การตกแต่ง สันกระดูก จมูก นี้ไม่ใช่การ ใส่ซิลิโคน แต่แพทย์จะ ทำการ เหลาจมูก ส่วนเกินออก ให้มันเรียบ ได้รูปนั่นเอง เหมาะสำหรับ คนไทย ที่อยากมี ดั้งโด่ง เหมือนฝรั่ง และฝรั่งที่มี สันจมูก ไม่สวย ได้รูป
6. การตัด ปีกจมูก เป็นหนึ่ง เทคนิค ที่มีประโยชน์มาก สำหรับคน ที่มีเนื้อจมูก มากเกินไป มีปีก จมูกบาน แต่ยัง สามารถ ตัดปีกจมูก และเสริมดั้ง ไปพร้อมกันได้ หรือสำหรับ บางคน ที่สันดั้ง สวยอยู่แล้ว ก็สามารถ ตัดเพียง ปีกจมูก เพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ ดั้งสวย เข้ารูปแล้ว แถมยังไม่ เจ็บตัวมากนัก
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
หลังจากการผ่าตัดเสริมจมูกควรหยุดพักอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ ก่อนจะกลับไปทำกิจกรรมต่างๆทั่วไป แต่ยังควรงดเว้นการทำกิจกรรมที่ใช้แรงโดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบหนัก ประมาณ 3-6 สัปดาห์ และอาจมีการบวมช้ำรอบดวงตาและจะจางหายไปภายใน 3-14 วัน และต้องใส่เฝือกจมูกประมาณ 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
- ควรยกศรีษะสูง เวลานอน ในช่วง 3 วันแรก เพื่อลด การบวม ของจมูก
- สามารถ เอาพลาสเตอร์ ปิดแผลออก ได้หลังจาก วันที่ 3
- งดดื่ม เครื่องดื่ม แอลกอฮอลล์ ทุกชนิด
- ลดอาหาร รสเผ็ดจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด และอาหาร รสจัด อื่น ๆ และห้ามกิน ของหมักดอง เด็ดขาด
- ไม่นอน ตะแคง เป็นเวลา 1 อาทิตย์ เพราะอาจจะ ทำให้ จมูก ผิดรูปได้
- ควรล้างหน้า เบา ๆ และใช้ สบู่อ่อน ล้างเบา ๆ ในช่วง วันแรก
- รับประทาน ยาทีได้มา ให้ครบ
- หลังจาก การผ่าตัด จะเกิดแผล บริเวณที่ทำ ดังนั้น ควรทำ ความสะอาด ด้วยคัตเติ้ลบัต จุ่มน้ำ ต้มสุก เช็ดทำ ความสะอาด
- สัปดาห์ หลักจาก การผ่าตัด เสริมจมูก แพทย์จะทำการ นัดตรวจแผล
- ไม่ควรใช้ ยารักษาแผล เป็นที่แผล
- หากรู้สึกว่า มีอาการบวม ที่จมูก หรือมี เลือดออกมา ควรรีบมา ปรึกษาแพทย์ ทันที
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
การผ่าตัดเสริมจมูกถือได้ว่าเป็นหนึ่งในการผ่าตัดบนใบหน้าที่มีความซับซ้อน แต่ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆและประสบการณ์ของศัลยแพทย์ทำให้การผ่าตัดมีอัตราความสำเร็จสูงถึง 85-90%
แม้ว่าการผ่าตัดเสริมจมูกจะมีความปลอดภัยโดยทั่วไป แต่ก็มีภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดได้ เช่น การมีเลือดออก การติดเชื้อ การแพ้ยา ผิวจมูกที่ดูไม่สม่ำเสมอ การหายใจขัด ซึ่งอาจต้องมีการผ่าตัดอย่างอื่นร่วมด้วย
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง