สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ การรักษาริ้วรอย ใน ไทย
Wrinkle Treatment หรือการรักษาริ้วรอย ในปัจจุบันนั้นมีหลากหลายวิธีการ และมีความพิเศษแตกต่างกันออกไปตามแต่ละประเภทการรักษา
สาเหตุที่จำเป็นต้องมีการรักษาริ้วรอย เนื่องจากในปัจจุบันมีหลากหลายสาเหตุในการเกิดริ้วรอย แต่สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดริ้วรอยขึ้นนั่นคือ
-
อายุ (Aging) เป็นสาเหตุตามธรรมชาติ ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดได้ แต่หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นได้ แต่สามารถลดเลือน และสามารถชะลอความอ่อนวัย ให้ผิว
-
การหดตัวของกล้ามเนื้อบนใบหน้า (Facial muscle contractions) เป็นสาเหตุหลักของร่องรอย ตีนการ และร่องรอยต่าง ๆ บนผิวหน้า ที่มีส่วนทำให้เกิดความหย่อนยานของกรามและเปลือกตาอีกด้วย
-
ได้รับแสงแดดที่รุนแรง (Sun damage) ได้รับรังสี UV มากเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหาริ้วรอย และสภาพผิวก่อนวัยอันควร เพราะรังสีจากความร้อนอาจจะเข้าไปทำลายคอลลาเจนในชั้นผิวหนังได้
-
การสูบุหรี่ (Smoking) จากการวิจัยพบว่าบุหรี่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอาการขาดคอลลาเจนในชั้นผิวหนังส่งผลให้เกิดริ้วรอย นอกจากนี้ยังอาจเกิดการขดเลือดไปเลี้ยงผิวหนังที่เกิดจากการสูบบุหรี่
ตัวอย่างการรักษาริ้วรอยในประเทศไทย
Ultherapy เป็นการยกกระชับหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับท่านที่ต้องการยกกระชับใบหน้า และเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการรับรองจาก FDA นำมาใช้ในการดึงหน้าโดยส่งคลื่นอัลตร้าซาวด์เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้นลึกของผิวเพื่อทำให้ผิวกระชับขึ้น เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ผิวอาจมีความหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ซึ่งเป็นผลจากการผลิตคอลลาเจนที่น้อยลง อัลเทอร่า จะสามารถช่วยคืนคอลลาเจนทำให้ผิวกระชับขึ้นได้
การผ่าตัดยกกระชับใบหน้า ทำให้เห็นผลลัพท์ชัดเจนหากแต่จะมีรอยแผลเป็นหลังการผ่าตัดและอาจมีความเสี่ยงอย่างอื่นร่วม เช่น การบาดเจ็บของเส้นประสาท ถาวะลิ่มเลือด เป็นต้น ซึ่ง Ultherapy อาจต้องใช้เวลาถึงจะเห็นผลและต้องทำต่อเนื่องทุกๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อรักษาผลลัพท์ อัลเทอร่า สามารถช่วยยกกระชับใบหน้าและลำคอทำให้ดูอ่อนกว่าวัย และไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติหลังจากทำอัลเทอร่า
การยกกระชับผิวหน้าด้วย อัลเทอร่า จะใช้คลื่นอัลตราซาวด์ที่มีพลังงานคลื่นความถี่สูง ซึ่งสามารถดึงหน้าและยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้ตึงขึ้น แก้ปัญหาหนังตาตก ทำให้ผิวหย่อนคล้อยตึงกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด และลดเลือนริ้วรอยหลังการรักษาได้
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
ขั้นตอนเริ่มจากการทำความสะอาด และมาร์คเจลลงบนผิว และใช้อัลเทอร่าสัมผัสผิวหรือบริเวณต่างๆตามที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้คำนวณไว้ เพื่อกระตุ้นการเสริมสร้างคอลลาเจนและทำให้ผิวถูกดึงรั้งขึ้น รูขุมขนเล็กลง ผิวตึงกระชับเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ
ในขณะที่ทำอัลเทอร่าจะรู้สึกอุ่นๆที่ใต้ผิวหนังซึ่งจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นสัญญาณที่เริ่มกระตุ้นการเพิ่มคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
หลังจากการทำอัลเทอร่าไม่ต้องการการพักฟื้นใดๆ แต่อาจมีรอยช้ำเล็กน้อยเกิดขึ้นได้หรือ ไม่สบายผิวในระยะเวลาสั้นๆซึ่งอาการบวมช้ำจะหายไปเองในระยะเวลาหนึ่งเดือนหรือสั้นกว่า และอาจเห็นผลภายใน 3-6 เดือนยาวนานถึง 1 ปีและต้องทำต่อเนื่องทุกๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อรักษาผลลัพท์
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
-
หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือความร้อน 2-3 เดือน โดยหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกในช่วงกลางวันในช่วงแรกและควรทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากรังสีความร้อน
-
ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการแพ้ หรือระคายเคือง
-
สามารถประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมแดง
-
ห้าม กด ถู นวด บริเวณที่มีการทำอัลเทอร่า อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง
-
ทาครีมกันแดด และครีมบำรุงอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะเมื่อต้องออกไปข้างนอก และใช้ครีมบำรุงตามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
ผลลัพท์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและระยะเวลา ซึ่งอาจเห็นผลลัพท์ที่ดีขึ้นหลังการรักษา และผลลัพท์จะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆและค่อยๆเข้ารูปอย่างเป็นธรรมชาติ
จากการศึกษาพบว่า 95% ของผู้เข้ารับการรักษามีความพึงพอใจจากผลลัพท์ที่ได้ในระยะเวลา 1 ปี 65% ได้รับผลลัพท์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆในระยะเวลา 2-8 เดือน ในขณะที่ 67 % พึงพอใจกับผลลัพท์ที่ดีขึ้นภายใน 3 เดือน
ประเทศไทย มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางราชการว่า ราชอาณาจักรไทย ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายโดยแบ่งออกเป็น 4 ภูมิภาค 77 จังหวัด และมีอากาศค่อนข้างร้อนชื้นตลอดทั้งปี
เป็นที่ยอมรับกันว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก นำพาชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยให้เดินทางมาท่องเที่ยวและอาศัยอยู่ในประเทศไทยด้วยเหตุผลนานานับประการ และในปัจจุบันประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เนื่องจากมีความพร้อมในการให้บริการที่ได้มาตรฐานในระบบสากล รวมทั้งมีค่ารักษาพยาบาลที่ถูกกว่า และใน ปัจจุบัน ประเทศไทย มีจํานวนสถานพยาบาล ที่ได้รับ การรับรอง มาตรฐาน ในระดับ สากล JCI มากที่สุดใน AEC ถึง 56 แห่ง ซึ่งมาก เป็นอันดับ 4 ของโลก อีกด้วย
จังหวัดท่องเที่ยวที่ยอดนิยมของไทย
กรุงเทพมหานคร อันดับหนึ่งตลอดกาลคงต้องยกให้กับจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยและเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีย่านธุรกิจ และ แหล่งช้อปปิ้งอีกมากมาย ซึ่งถ้าพูดถึงที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ทุกคนต้องแวะไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติคือ วัดพระแก้ว, วัดอรุณ, วัดโพธิ์, เยาวราช, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งการเดินทางคมนาคมในกรุงเทพฯนั้นก็แสนจะสะดวกสบาย สามารถเดินทางได้โดยขนส่งสาธารณะ เช่น Airport link, BTS, MRT, รถแทกซี่, รถเมล์, รถตุ๊กตุ๊ก เป็นต้น
เชียงใหม่ เชียงใหม่ก็ถือเป็นเมืองยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในช่วงหน้าหนาว ซึ่งมีอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบายละมีบรรยากาศที่ดี เชียงใหม่ยังเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ และยังเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม สถานที่ที่น่าสนใจในเชียงใหม่ ได้แก่ วัดพระธาตุดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ ถนนนิมมานเหมินทร์ วัดอุโมงค์ เป็นต้น เชียงใหม่เป็นเหมือนศุนย์กลางการท่องเที่ยวทางภาคเหนือ เพราะสามารถต่อรถไปยังที่เที่ยวรอบ ๆ ได้อย่างสะดวก เช่น จ. เชียงราย, จ. แม่ฮ่องสอน เป็นต้น
ภูเก็ต เกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีหาดทรายที่สวยงาม มีน้ำทะเลใส เหมาะกับการเล่นน้ำและดำน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำแบบอื่น ๆ ชายหาดที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวก็คือ หาดป่าตอง, หาดกะตะ, หาดกะรน เป็นต้น ทั้งสามารถซื้อทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับยังเกาะใกล้ ๆได้ เช่น หมู่เกาะพีพี, เกาะราชา, เกาะไข่ เป็นต้น หากใครที่ไม่ชอบทะเล ก็สามารถเข้าไปเที่ยวชมวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวภูเก็ตภายในตัวเมืองได้ เช่น สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสที่ถนนถลาง, ซอยรมณีย์ หรือ ไหว้พระขอพรจากวัดฉลองซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวภูเก็ต เป็นต้น
พัทยา ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนและเป็นที่นิยมมากแห่งหนึ่งไม่แพ้สถานที่อื่น ๆ และเป็นที่รู้จักกันมากกว่าตัวจังหวัด และเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของคนไทยเพราะใกล้กรุงเทพเพียงแค่ 100 กิโลเมตร สามารถมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้สบาย และนอกจาก วอล์คกิ้งสตรีท ที่หลายๆคนนึกถึง พัทยายังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ปราสาทสัจธรรม, สวนน้ำรามายณะ เป็นต้น ซึ่งการเดินทางยอดนิยมสำหรับการมาพัทยาคือ การขับรถยนต์ส่วนตัว และการนั่งรถตู้จากกรุงเทพฯ และเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเดินทางมาพักผ่อนแบบครอบครัวอีกด้วย
สภาพภูมิอากาศของประเทศไทย
ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เขตศูนย์สูตร มีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เป็นตัวกำหนดลักษณะอากาศของประเทศไทย พื้นที่ส่วนบนเป็นภูเขาและที่ราบสูง พื้นที่ส่วนกลางเป็นที่ราบลุ่ม พื้นที่ทางใต้เป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล
ลักษณะภูมิอากาศ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ฤดูกาล ดังนี้ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม, ฤดูฝน จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน ถึงตุลาคม และฤดูหนาว จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ถึงมกราคม
อุณหภูมิโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ร้อนและไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีค่าเฉลี่ยทั่วประเทศประมาณ 27 องศาเซลเซียส มีค่าสูงสุดเฉลี่ย 32 องศาเซลเซียส และและต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส โดยมีค่าอุณหภูมิผันแปรตามสภาพภูมิประเทศ กล่าวคือ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศร้อนจัดและหนาวจัดกว่าภาคอื่น ๆ, ภาคกลางและภาคตะวันออก มีบางส่วนของพื้นที่ติดกับทะเล ทำให้อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วไปประมาณ 28 องศาเซลเซียส, ภาคใต้ทั้งสองฝั่งล้อมรอบด้วยทะเล อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27.3 องศาเซลเซียส
การเดินทางในประเทศไทย
การเดินทางในประเทศไทย ไม่ว่าจะเดินทางไปที่จังหวัดไหนก็มีความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางอากาศ หรือทางน้ำ
ทางบก ก็มีเส้นทางหลักที่สะดวกไปได้ทั่วถึงทุกจังหวัดในประเทศไทย และมีทางเลือกที่หลากหลาย เช่น การเดินทางโดยรถประจำทาง, รถแทกซี่ (มีบริการในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ๆ), รถมอเตอร์ไซค์ (นิยมใช้บริการในระยะใกล้ๆ) รถเช่า, หรือรถยนต์ส่วนบุคคล
ทางอากาศ ปัจจุบันประเทศไทยมีสายการบินในประเทศหลายสาย ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยอดนิยม เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว
ทางน้ำ เนื่องจากเมืองไทยมีแม่น้ำลำคลองอยู่ทั่วไป และยังมีหลายคลองที่มีเรือโดยสารวิ่งรับส่งคนตามท่าเรือต่าง ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ
ประชากรในประเทศไทย
ประเทศไทย มีจำนวนประชากรโดยประมาณ 65 ล้านคนซึ่งมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ โดยประมาณ 3 ใน 4 มีเชื้อสายไทย นอกจากนี้ยังมีคนไทยเชื้อสายจีนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนไทยเชื้อสายมลายูในภาคใต้ตอนล่าง และคนไทยเชื้อสายมอญ เขมร และชาวเขาเผ่าต่าง ๆ และประชากรส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ตามลำดับ
ข้อมูลอื่น ๆ
ภาษา ประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาราชการเพียงภาษาเดียว มีการระบุว่าเป็นภาษาหลักของการศึกษาและใช้ในราชการ ในขณะที่ ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่สองที่พบมากที่สุดในประเทศไทย
สกุลเงิน สกุลเงินที่ใช้เป็นสกุลเงินบาท
วันหยุด ราชการ ที่สำคัญ ของไทย ได้แก่ วัน ขึ้นปีใหม่, วัน สงกรานต์,วัน เฉลิมพระชน มพรรษา ของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินี, วัน แม่แห่งชาติ เป็นต้น
การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทย
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นับเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาลในเวลาที่ผ่านมา การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในประเทศไทย เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและโดดเด่น โดยที่ประเทศไทย ติดอันดับ 1 ของ เอเชีย เนื่องจากไทยมีหน่วยการแพทย์ที่มีคุณภาพ มีราคาที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้การรักษา รวมถึงประเทศไทยนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ มีจุดเด่น ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก และมีสถานพยาบาลที่พร้อม เช่น กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ภูเก็ต, และเกาะสมุย เป็นต้น