สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ การใช้วิตามินบำบัด (IV Drip) ใน ปทุมธานี
IV Drip คืออะไร ?
IV Drip มีที่มาตามชื่อตัวอักษร IV นั้นมาจากคำว่า “Intravenous” ประกอบด้วยคำว่า “intra” ที่แปลว่า ข้างใน และ “Venous” หมายถึง หลอดเลือด ส่วนคำว่า Drip นั้นในที่นี้มีความหมายว่า หลอดพลาสติที่มีลักษณะสั้น หรือมีขนาดเล็กที่แพทย์และพยาบาล ใช้ในการลำเลียงของเหลวจำพวกวิตามินหรือยา เข้าสู่เส้นเลือดนั่นเอง
IV Drip ใช้ในการทำอะไร ?
IV Drip หรือในอีกชื่อเรียกหนึ่งคือ Vitamin Drip เป็นการเพิ่มวิตามินเข้าสู่ร่างกายผ่านทางสายน้ำเกลือ ซึ่งการในวิตามินแก่ร่างกายด้วยวิธีนี้ ร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามินได้มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ และสามารถเห็นผลได้ในทันทีหลังจากรับวิตามิน
ในปัจจุบันวิธีนี้ยังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่ต้องการวิตามินแบบเร่งด่วน และดารานักแสดง เนื่องจากความรวดเร็วและสามารถแก้ปัญหาเรื้อรัง เช่น อาการอ่อนเพลีย อาการนอนหลับ ไม่กระฉับกระเฉง
ซึ่งในการรักษาแบบอื่นอาจจะต้องใช้เวลานานกว่า เพราะประสิทธิภาพในการดูดซึมของร่างกายนั้นไม่มากพอ โดยหากรักษาด้วยการทานยาอาจจะดูดซึมได้เพียงประมาณ 10 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และในบางวิธีการอาจจะทำให้ผลข้างเคียงเช่นอาการปวดท้องได้
IV Drip มีกี่ประเภท มีประโยชน์อย่างไรบ้าง ?
IV Drip นั้นถูกแบ่งออกตามประโยชน์ที่สำคัญ ในแต่ละกลุ่มรูปแบบ ดังนี้
-
Brightening Drip ขึ้นชื่อเรื่องความสะอาดใสของผิวพรรณ ผิวสุขภาพดี เปล่งปลั่งอ่อนเยาว์
-
Vitamin Immune Booster ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน และฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้มีความแข็งแรงขึ้น
-
Energy Booster Drip ช่วยเพิ่มพลังในกับร่างกาย พร้อมด้วยความสดชื่น ตลอดจนไปถึงการแก้อาการเมาค้างจากการดื่มแอลกอฮอล์ และผู้ป่วยที่มีอาการ อ่อนเพลียจากโรคอย่าง ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยหลังการผ่าตัด รวมถึงการทานอาหารไม่ได้ เป็นต้น
-
Weight Control Drip ช่วยในเรื่องระบบเผาพลาญของร่างกายควบคุม และลดน้ำหนัก รวมถึงการสร้างมวลกล้ามเนื้อ
ประโยชน์ของการทำ IV Drip
-
ร่างกายสามารถดูดซึมได้รวดเร็ว และดูดซึมได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์
-
วิตามินที่เข้าสู่ร่างกาย สามารถนำไปใช้งานได้ทันที
-
ลดอาการเหนื่อยและอ่อนเพลียสะสมจากการทำงาน
-
เพิ่มภูมิคุ้มกันในแก่ร่างกาย
-
สุขภาพผิวดีแลดูกระจ่างใส
-
สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อได้ระดับในระดับหนึ่ง
ข้อกำจัดของการทำ IV Drip
แม้ว่าการให้วิตามินผ่านทางเส้นเลือดนี้ จะมีผลข้างเคียงที่น้อย และมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการ หรือควรปรึกษาแพทย์สำหรับการเข้ารับบริการดังนี้
-
สตรีที่ตั้งครรภ์ และสตรีที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร
-
ผู้ที่มีประวัติในการแพ้ยา หรือวิตามินใด ๆ รวมถึงควรแจ้งลักาณะของอาการที่แพ้
-
บุคคลที่มีโรคประจำตัว และผู้ที่มียาที่จำเป็นรับประทานเป็นจำ
-
ผู้มีปัญหาเกี่ยวกับโรคไต
-
ผู้ที่เป็นโรค G6PD
-
รับประทานยาต้านเกล็ดเลือด
-
มีความรู้สึกไม่สบายและมีไข้สูง
-
มีผื่นขึ้นบริเวณที่จะต้องใช้สอดเข็ม
-
บุคคลที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนัก หรือควบคุมอาหาร
การให้วิตามินผิวมีผลข้างเคียงหรือไม่ ?
ผลข้างเคียงของผู้ที่เข้ารับการทำ IV Drip ในส่วนใหญ่จะไม่ค่อยปรากฏ แต่ในบางรายอาจจะพบผื่นคันคล้ายกับ อาการแพ้อาหารทะเล หลังได้รับวิตามินแล้วสามารถนั่งสังเกตุอาการประมาณ 15 ถึง 20 นาที เพื่อความปลอดภัย
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับการให้วิตามินผ่านทางสายน้ำเกลือ และในปัจจุบัน IV Drip ของแต่ละสถานพยาบาลที่ให้บริการยังมีการผลิตสูตรของวิตามิน ออกมาตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าอีกมากมาย เช่น FAT BURN สำหรับการเผาผลาญไขมัน HANG OVER เป็นสูตรสำหรับคลายอาการเมาค้าง Alpha Lipoic Acid (ALA) สำหรับลดปัญญาสิว ฝ้า และใบหน้าเหยี่ยวย่น เป็นต้น
โดยวิตามินบางดัวเช่น วิตามิน C สามารถทำให้การทำงานของเม็ดสีของเราลดลง จนเผยผิวที่ขาวขึ้นประมาณ 1 ถึง 2 เฉดได้ และสาร NAC ที่เป็นสารตั้งต้นของ Glutathione ซึ่งสามารถทำให้ เม็ดสี Eumelanin เป็นเม็ดสีคล้ำ จะเปลี่ยนเป็น Pheomelanin ที่เป็นเม็ดสีขาวได้
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
เมื่อทำการ IV Drip เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้เข้ารับบริการก็สามารถดำเนินกิจรวัตรประจำวันได้ตามปกติ โดยหลีกเลี่ยงสถานที่ ที่มีผู้คนแออัด และดูแลตัวเองตามความเหมาะสม
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
หลังจากการเข้ารับวิตามินแล้วจะเห็นผลทัน และไม่เกิดรอยแผลเป็นใด แต่หากต้องการจะรับวิตามินอย่างต่อเนื่องควรเข้าเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อย 1 ถึง 2 เดือน ต่อการทำ IV Drip หนึ่งครั้ง หรือตามคำแนะนำของแพทย์
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
หากอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็จะมีอัตราสำเร็จสูงมาก แต่ผลลัพธ์ของการบริการนั้นขึ้นอยู่กับสูตร และสภาพปัญหาผิวหรอปัญหาอื่น ๆ ของแต่ละบุคคลอีกด้วย เพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุดควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับจังหวัดปทุมธานี
ปทุมธานีเป็นหนึ่งในจังหวัดปริมณฑลที่มีความเจริญในด้านต่าง ๆเป็นอย่างมาก เป็นเมืองศูนย์กลางทางการศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของภูมิภาค มีมหาวิทยาลัยและสถานศึกษาต่าง ๆอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วย มรดกทางศิลปะวัฒนธรรมและเอกลักษณ์อื่น ๆโดยเฉพาะวัฒนธรรมของชาวมอญ และด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้กรุงเทพมหานคร มีการคมนาคมที่สะดวก จังหวัดปทุมธานีจึงเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวทางเลือกของนักท่องเที่ยวในปัจจุบันรวมไปถึงการมีโรงพยาบาล คลินิก สถานเสริมความงามที่ทันสมัยเพื่อรองรับความต้องการของทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ
สถานที่ยอดนิยมในจังหวัดปทุมธานี
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ แลนด์มาร์คตึกทรงลูกเต๋าที่ต้องไปเที่ยวที่ปทุมธานี ที่นี่จัดแสดงทั้งประวัติของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พลังงาน วิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน ภูมิปัญญาไทย การกำเนิดและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต เป็นต้น ถือเป็นอีกที่เที่ยวที่ให้ความรู้ ควบคู่ไปกับความสนุกสนาน
วัดโบสถ์ เป็นวัดเก่าแก่และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดปทุมธานี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อเหลือประดิษฐานอยู่ อีกทั้งยังมีรูปปั้นเหมือนของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี องค์ใหญ่ให้พุทธศาสนิกชนได้เดินทางมากราบไหว้ขอพร และเมื่อเร็ว ๆนี้ก็ได้สร้างพระพุทธโสธร องค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ใกล้ ๆ กับหลวงพ่อโตอีกด้วย
วัดไผ่ล้อม เป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงสุโขทัย ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างประเทศ เนื่องจากบริเวณวัดนั้นมีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่นร่มรื่นเป็นที่อาศัยของนกปากห่างจำนวนมาก
การเดินทางในจังหวัดปทุมธานี
ปทุมธานีเป็นจังหวัดที่เชื่อมต่อกับกรุงเทพฯ ด้วยถนนหลายสายไม่ว่าจะเป็นการเดินทางมาด้วยรถยนต์ รถโดยสารประจำทาง หรือทางรถไฟ ส่วนในตัวจังหวัดก็มีรถชนิดต่าง ๆไว้คอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยว มีรถโดยสารประจำทางทั้งรถปรับอากาศและรถไม่ปรับอากาศวิ่งอยู่ทั่วไปตามถนนเส้นหลัก รถเมล์เล็ก รถสองแถว รถสามล้อเครื่อง และมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จอดอยู่ตามจุดต่าง ๆในจังหวัด เช่น หน้าสถานีรถไฟ สถานีขนส่ง ตลาดสด และห้างสรรพสินค้า ค่าบริการมีทั้งแบบตกลงกันตามแต่ระยะทางและแบบเหมาจ่าย
ประชากรหรือผู้คนในจังหวัดปทุมธานี
ปทุมธานี เป็นจังหวัดที่มีความหนาแน่นของประชากรค่อนข้างสูง โดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่หนาแน่นบริเวณอำเภอคลองหลวง และอำเภอลำลูกกา อีกทั้งยังเป็นแหล่งโรงงานอุตสาหกรรมมากมายและเป็นจังหวัดที่ใกล้เมืองหลวง ทำให้มีผู้คนเข้าออกจังหวัดปทุมธานีและอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นตลอดทั้งปี
สภาพภูมิอากาศในจังหวัดปทุมธานี
สภาพภูมิอากาศจังหวัดปทุมธานีมีลักษณะคล้าย ๆกับจังหวัดอื่น ๆ แบ่งออกได้เป็น 3ฤดู ได้แก่ ฤดูฝน ฤดูหนาวและฤดูร้อน โดยทั่วไปจะมีอากาศไม่หนาวจัดหรือร้อนจัดจนเกินไปและมีฝนตกต้องตามฤดูกาล
อื่น ๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในจังหวัดปทุมธานี ด้วยความที่เป็นจังหวัด 1ใน 5 จังหวัดปริมณฑลที่มีความเจริญใกล้เคียงกรุงเทพฯ อีกทั้งผลของการขยายของความเจริญจากตัวเมืองหลวงเข้ามาสู่ชานเมืองมากขึ้น ทำให้ปทุมธานีมีสถานพยาบาลชั้นนำ คลินิก หรือสถานเสริมความงามที่ทันสมัยครบครันไม่แพ้ที่อื่น ๆที่กลายเป็นจุดมุ่งหมายหนึ่งที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้การพิจารณาในการเข้ามาทำการรักษาอีกด้วย