สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ ฉีดพาเลท ริช พลาสมา (PRP) ใน กรุงเทพมหานคร
ฉีดพาเลท ริช พลาสมา (PRP) หรือการฉีดเกล็ดเลือดเข็มข้นเข้าเส้นเลือด เพื่อซ่อมแซมกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่มีอาการบาดเจ็บ หรืออักเสบ
ซึ่งการเข้าไปของเกล็ดเลือดที่มีทั้งโปรตีน และเซลล์ที่ใช้ในการรักษาร่างกาย จะช่วยในการสมานแผลและช่วยฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
ใครบ้างที่เหมาะกับการรักษาด้วย PRP
การรักษาด้วยวิธี PRP นั้นเหมาะสำหรับคนที่มีอาการเอ็นข้อศอกอักเสบ เอ็นบริเวณกระดูกสะบ้าอักเสบ การบาดเจ็บกล้ามเนื้อแบบเรื้อรัง ผู้มีภาวะข้อเข่าเสื่อม ระยะแรกถึงปานกลาง เป็นโรครองช้ำ และผู้ที่มีไม่ต้องการรักษาด้วยการใช้ยา Steriod
ผู้ที่ไม่สามารถรับการรักษาด้วยการฉีด PRP ได้
ข้อจำกัดของผู้ไม่สามารถรับการรักษาด้วยการฉีด PRP ได้ คือ ผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือเป็นโรคโลหิตจางขั้นรุนแรง และผู้ที่มีภาวะติเชื้อในกระแสเลือด รวมถึงผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์ คนไข้กินยาต้านเกล็ดเลือด หรือทานยาละลายลิ่มเลือด รวมถึงห้ามใช้กับสตรีที่มีครรภ์ รวมถึงผู้ที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
การเตรียมตัวเข้ารับ Platelet Rich Plasma (PRP) Injection
เป็นการเตรียมเพื่อเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการ PRP โดยเริ่มจากการงดยาประเภท NSAIDs ทั้งก่อนและหลังฉีด PRP เป็นระยะเวลา 7 วัน ดื่มน้ำในปริมาณมากก่อนฉีด 1 วัน และปฏิบัติตนตามความเหมาะสมดังนี้
-
พักผ่อนให้เพียงพอ
-
หากมีอาการป่วยควรรักษาให้หายก่อน
-
หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้บริเวณทีฉีดมีผลกระทบ
-
งดอาหารที่มีไขมันสูง
-
งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์อย่างน้อย 2 ถึง 3 วัน
การฉีดพาเลท ริช พลาสมา (PRP) ทางศัลยกรรมความสวยงาม
ในปัจจุบันในวงการแพทย์เพื่อความสวงยงาม ได้มีการใช้ เกล็ดเลือดเข้มข้นมาประยุกต์ใช้ในวงการเพื่อแก้ปัญหาผิวหน้า ซึ่งเกิดจากเซลล์ผิวที่เริ่มเสื่อมลง และเนื้อเยื่อของคอลลาเจนที่ลดลงจึงตามมาด้วยปัญหาผิวต่าง ๆ ในใบหน้า ดังนั้นจึงได้มีการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการซ่อมแซมผิวหน้านั่นคือ PRP (PLATELET RICH PLASMA) ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องของความยืดหยุ่นของผิว เรื่องของริ้วรอยตามส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า ไม่วาจะเป็นหน้าผาก ตลอดจนการรักษา สิว และรอยคล้ำใต้ตา
ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ PRP เพื่อความสวยงาม
-
ช่วยในการฟื้นฟู รวมถึงกระตุ้น และซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพในระดับลึก ทำให้ได้ใบหน้าที่อ่อนวัยกลับคืนมา
-
ทำให้ใบหน้าของท่านดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดี เนื่องจากการผลัดผิวใหม่ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และหลอดเลือดภายในผิวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
-
รักษาสิว ฝ้า กระ หลุมสิว รอยดำจากสิว จุดด่างดำ รอยแผลเป็น และรูขุมขนมีขนาดเล็กลง
ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้อาจขึ้นอยู่กับช่วงอายุ และลักษณะของกลุ่มอาการ รวมถึงการดูแลรักษาหลังการรับบริการด้วยเช่นกัน
ขั้นตอนการทำ Platelet Rich Plasma
ขั้นตอนการทำ PRP นั้นค่อนข้างมีความกระชับและง่ายดาย ดังนี้
-
เจาะเลือดจากข้อพับ
-
นำเลือดมาปั่นเพื่อสกัดให้ได้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้น และ Growth Factor
-
คัดเกล็ดเลือดที่มีความสมบูรณ์ออกมา
-
ฉีดเกล็ดเลือด PRP กลับไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของใบหน้าในชั้นใต้ผิวหนังที่เรียกว่า Mesoderm
หลังจากทำตามขั้นตอนแพทย์จะอนุญาติในกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
ในปัจจุบันการใช้ PRP นั่นมีประโยชน์อย่างแพร่หลายและสามารถประยุกต์ใช้แบบบูรณาการได้ เช่น การใช้ PRP ร่วมกับ HA หรือ Hyaluronic Acid ซึ่งเหมาะกับอาการข้อเข่าเสื่อม หรือการใช้ PRP with Ozone ที่ให้ผลในข้อเข่าเสื่อมได้เร็วกว่าแบบธรรมดา
Plasma PRP ยังสามารถป้องกันผมร่วงได้
นอกจากการแก้ปัญหาบริเวณใบหน้า และเส้นเอ็นแล้ว การทำ PRP ยังสามารถแก้ปัญหาเส้นผมอีกด้วย เนื่องจากการฉีดเกร็ดเลือดเข้าสู่หนังศีรษะเพื่อนำ Growth factor เข้าไปบำรุง เพื่อเส้นผมที่ดกดำเงางามอีกด้วย โดยเฉลี่ยแล้วจะใช้เลือดประมาร 25 ถึง 30 cc ต่อการรักษาแต่ละครั้ง และทำการรักษาตามอาการของแพทย์
การฉีด PRP (Platelet Rich Plasma) เพื่อเพิ่มความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก
ส่วนด้านของแผนกสูตินรีเวชกรรม ในปัจุบันก็มีการใช้ PRP ในการทำให้ผนังมดลูกมีความหนา และยังสามารถเพิ่มอัตตราการฝังตัวของตัวอ่อน ที่ส่งผลต่อการตั้งครรภ์ได้อีกด้วย โดยสารที่เป็นองค์ประกอบที่เกร็ดเลือดเหล่านี้ปล่อยออกมานั่นคือ
-
CSF-1 ช่วยส่งเสริมการฝังตัวของตัวอ่อน
-
IL-6 ช่วยป้องกันการแท้งแบบซ้ำซ้อน
-
IL-8 ช่วยให้เยื่อบุโพรงมดลูกพร้อมสำหรับการมีบุตร
-
LIF ช่วยให้ตัวอ่อนฝังในโพรงมดลูกได้ดีขึ้น
-
TGF-β ทำให้เซลล์รกยึดติดกับเยื่อบุโพรงมดลูกได้อย่างดียิ่งขึ้น
-
TNF-α ช่วยในเรื่องการฝังตัวของตัวอ่อน
-
VEGF ทำให้เลือดไปเลี้ยงโพรงมดลูกได้ดีขึ้น
ซึ่งในปัจจุบันการฉีด PRP เข้าสู่โพรงมดลูกนั้น ถือเป็นการรักษาที่พัฒนาขึ้นใหม่ และยังคงเป็นไม่ที่รู้จักมากนัก แต่ในอนาคตมีแนวโน้มที่จะทำให้สตรีที่มีบุตรได้ยาก สามารถมีบุตรได้ง่ายขึ้นและอัตราความสำเร็จที่มากขึ้นอีกด้วย
ใครบ้างที่เหมาะแก่การฉีด PRP เพื่อเพิ่มความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก
สำหรับสตรีผู้ที่เหมาะแก่การเข้ารับการรักษานี้ คือ ผู้ที่มีบุตรได้ยาก และมีผนังมดลูกบางผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งอาจจะมีกลุ่มอาการเช่น การทำงานของรังไข่เสื่อมก่อนวัย รังไข่เริ่มทำงานและตอบสนองได้ช้า ค่าฮอร์โมนการทำงานของรังไข่ AMH ต่ำ และผู้ที่เคยทำเด็กหลอดแก้ว IVF หรือ ICSI แต่ผลการตอบสนองไม่ดี
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
หลังจากการฉีดพาเลท ริช พลาสมา (PRP) แล้วเทียบจะไม่เกิดอาการข้างเคียงใด ๆ เกิดขึ้น และเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่ในบางรายอาจจะปรากฏอาการบวมช้ำเล็กน้อย ประมาณ 2 ถึง 3 วัน แต่อาการจะหายไปเองโดยใช้ระยะเวลาไม่นาน
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม ดังนี้
-
งดล้างหน้า 4 ถึง 6 ชั่วโมงแรก หลังเข้ารับการทำ PRP
-
งดการดื่มแอลกอฮอล์
-
หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดประมาณ 2 ถึง 3 วัน
-
งดแต่งหน้าอย่างน้อย 1 วัน
-
หลีกการทานยาประเภท แอสไพริน และ ไอบูโพรเฟ่น ประมาณ 2 ถึง 3 วัน
-
หากต้องการทาครีมบำรุงควรหลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของ AHA หรือ Whitening
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
อัตราการเปลี่ยนแปลงของผิวหน้า ไปในทางที่ดีขึ้นนั้นเป็นที่แน่นอน แต่การรักษาในแต่ละคลินิกนั้นอาจจะมีรายละเอียด รวมถึงวิธีการที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละความต้องการของคนไข้ และที่สำคัญคือการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์หลังเข้ารับบริการ
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง