สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ ทำตาสองชั้น ใน กรุงเทพมหานคร
การทำตาสองชั้น เป็นการศัลยกรรม หรือการผ่าตัดเพื่อปรับเปลี่ยนและแก้ไข บริเวณเปลือกตาด้านบน ที่อวบอูมดูไม่มีชั้นหนังตา หรือที่เรียกว่า มีตาชั้นเดียว(ตาตี๋) การเย็บหรือการผ่าตัด จะทำให้ เกิดเปลือกตาที่บางลง ดูเป็นธรรมชาติและมีชั้นของหนังตา และทำการเย็บบริเวณขอบล่าง ของรอยผ่าตัดให้ติดกับเยื่อของบริเวณเนื้อหนังตา ที่ต้องการยกให้เป็นสองชั้นซึ่งรอยผ่าตัด จะอยู่ห่างจากขอบหนังตา ประมาณ 6-10 มล. แต่หากระยะห่างเกินกว่านี้ จะทำให้ชั้นของหนังตากว้างเกินไป ดูไม่เป็นธรรมชาติ
สาว ๆ หลายคนที่ปัญหา ตาชั้นเดียว อาจจะทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจ เพราะดวงตาดูไม่สวย เปรี้ยวเฉี่ยวหรือ กลมโตหวาน แต่สมัยนี้ปัญหานี้ สามารถแก้ได้ด้วยการทำ ตา 2 ชั้น ซึ่งจะทำ ให้หน้าดู สวยงาม มีเสน่ห์ และยัง แก้ปัญหา หนังตาหย่อนคล้อย หนังตาตก ทำให้ดูแก่ และบางครั้งหนังตาตก ยังบดบังการมองเห็น จึงเป็นสาเหตุให้มาทำตา 2 ชั้น อีกด้วย การทำตา 2 ชั้น จึงเป็นการทำศัลยกรรม ที่ทำมากที่สุด แต่การทำตา 2 ชั้น นั้นมีหลายวิธีมากมาย ให้เลือกตามความเหมาะสม
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
วิธีการ ทำตา 2 ชั้น
- การผ่าตัดเปิดหางตา หรือหัวตา กรณีที่คุณมีชั้นตาอยู่แล้ว แต่มีปัญหาหางตาหรือ หัวตาแคบ หรือเล็ก เป็นตาชั้นเดียว แต่สามารถแก้ไขได้ ด้วยการทำศัลยกรรมเปิดหัวตา หรือหางตา ก็จะทำให้ดวงตาดูกว้างขึ้น และมีความกลมโต
- แบบกรีดชั้นหนังตา เป็นวิธีการที่นิยมทำที่สุด เหมาะสำหรับคนที่ไม่มี ชั้นตา หรือมี ตาชั้นเดียว, ตา 2 ชั้น หลบใน, ชั้นตาไม่ชัด, ชั้นตา ไม่เท่ากัน และในคน ที่มีปัญหา ที่มีไขมันสะสมที่ เปลือกตามาก เพราะแพทย์สามารถตัดผิวหนังส่วนเกิน และเลาะไขมันส่วนเกินออกไปได้
- แบบเย็บหนังตา เป็นจุด 2-3 จุดที่ เหมาะสำหรับ คนที่มีปัญหาชั้นตา แต่คนไข้จะต้องไม่มี หนังตาหย่อน ตกลงมามากและไม่มีไขมันที่ เปลือกตามาก การรักษาวิธีนี้ แพทย์จะทำการเย็บไหมที่เปลือกตา ประมาณ 2 – 3 จุด เพื่อสร้างรอยพับของหนังตา ให้เป็น 2 ชั้น
- ทำตา 2 ชั้น ร่วมกับการ เปิดหางตาหรือหัวตา ในบางคนที่มีปัญหา หางตาหรือ หัวตาปิด การกรีดชั้นตาเพียงอย่างเดียงคงไม่พอ เพราะทำให้ดวงตาดูหรี่เล็ก แคบ การแก้ไข คือ การทำ ตา 2 ชั้น และทำศัลยกรรมเปิดหางตาและหัวตา ไปพร้อมกัน เพื่อให้ได้ดวงตาดูกว้างและกลมโตขึ้น
- ทำตา 2 ชั้น ปลายหางเป็นหงส์ คือการยกหางตาให้ดูเฉียงขึ้น ร่วมกับการ ทำตา 2 ชั้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตก การทำตา 2 ชั้น ในวิธีการทำตาแบบปลายหางเป็นหงส์นี้ แพทย์จะทำการกรีดชั้นตา ให้เป็น 2 ชั้น แล้วกรีดยกหางตาให้ เฉียงขึ้นและเย็บให้สวยงาม หากมีไขมันที่เปลือกตาหนาหรือมาก แพทย์จะตัดเปลือกตา ส่วนเกินออกหรือไขมันส่วนเกินออก
การทำตา 2 ชั้น
เริ่มแรกแพทย์จะมีการให้ยาชาและยาคลายความกังวล โดยที่การทำตา 2 ชั้น คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บ และไม่ต้องพักฟื้นที่ โรงพยาบาล เมื่อทำเสร็จคนไข้ก็สามารถกลับบ้านได้ทันที แถมยังไม่มีรอยแผลเป็น และไม่มีอันตรายอีกด้วย ซึ่งแผลจะจางหายไป และมองเห็นแค่เพียงรอยแดง ภายใน 3 สัปดาห์ และหลังจากนั้น ผิวจะกลับมาเหมือนปกติเหมือนกับบริเวณอื่น ๆ ภายในเวลาประมาณ 4 – 6 เดือน
การเตรียมตัว ก่อนทำตา 2 ชั้น
ควรสวมใส่แว่นกันแดด เพื่อป้องกัน แสงแดด และฝุ่นละออง และควรมี คนช่วยขับรถ พากลับบ้าน ไม่ควรขับรถเอง
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
ใช้เวลาในการพักฟื้นประมาณ 1-2 อาทิตย์
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
1. หลังการศัลยกรรมตา 24 ช.ม. ให้ทายา ขี้ผึ้ง เคลือบแผลตามที่แพทย์สั่ง ก่อนทายาควรทำ ความสะอาดด้วยสำลีชุบน้ำอุ่น และซับแผลให้แห้งก่อน
2. ในช่วงสัปดาห์แรก ควรนอนยกศีรษะสูง
3. ไม่ควรให้แผลโดนน้ำ ประมาณ 3 วัน
4. หลังการศัลยกรรมตา 1-2 วันแรก ควรทำการประคบเย็น บริเวณหน้าผาก และรอบดวงตา
5. ให้งดใส่ คอนแทคเลนส์ ในช่วงอาทิตย์แรก ให้ใส่แว่นแทน และไม่ควรขยี้ตา ในช่วงเวลา 6 เดือน
7. ทานยาแก้ปวด ลดบวมและแก้อักเสบตามที่แพทย์จัดให้
8. ไม่ทานของหมักดอง หรือ อาหารรสจัด
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
การทำตา 2 ชั้น สามารถประสบความสำเร็จได้มากกว่า 90% ถือได้ว่าเป็นการทำศัลยกรรมที่ได้ผลค่อนข้างดี เพราะสามารถแก้ไขปัญหาตาเล็ก ตาตี๋ ที่ทำให้สาว ๆ ขาดความมั่นใจได้ อีกทั้งยังทำให้สาว ๆ มีความมั่นใจมากขึ้นอีกด้วย แต่ทำตา 2 ชั้น ก็สามารถเกิดปัญหาขึ้นได้เช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่น ๆ เช่นการติดเชื้อ การแข็งตัวของเลือด ความดันโลหิต และมีสูงแผลเป็น เป็นต้น ในบางรายหากการผ่าตัดล้มเหลวก็จะทำให้ตากลับมาตี๋อีกครั้ง คือหนังตาหลบเข้าไปเหมือนเดิม ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการผ่าตัดทำตา 2 ชั้น มักทำเพียงครั้งเดียว แต่ถ้าลูกค้า ไม่พอใจการผ่าตัดครั้งแรก ก็สามารถกลับมาทำใหม่ได้อีกครั้ง แต่จะต้องพักฟื้นจากการผ่าตัดครั้งแรกให้หายดีก่อน จึงจะสามารถทำได้ จากการศึกษาพบว่ามีเพียง 9.5% เท่านั้นของกลุ่มตัวอย่าง ที่มีภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง หลังจากการผ่าตัด ส่วนกลุ่มที่เหลือ มีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก กับผลลัพธ์ที่ได้หลังจากการผ่าตัด
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง