สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ ปลูกคิ้ว ใน ไทย
ปลูกคิ้ว หรือ Eyebrow Hair Transplant คืออะไร ?
การปลูกคิ้ว (Eyebrow Hair Transplant) หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ “การปลูกขนคิ้วถาวร” เป็นศัลยกรรมเพื่อความงามอย่างหนึ่ง ที่ใช้วิธีการผ่าตัด เพื่อนำเอารากผมจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกไว้บนพื้นที่ของคิ้ว และรอให้รากผมนั้นงอกขึ้นมาเป็นขนคิ้วที่มีความสวยงาม
โดยลักษณะของการผ่าตัดรูปแบบนี้มีความคล้ายคลึงกับการผ่าตัดเพื่อปลูกผม ซึ่งในยุคปัจจุบันการปลูกขนคิ้วถาวร ถือว่าได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางมากขึ้น และช่วยให้เหล่าผู้ที่ขาดความมั่นใจ ได้มีโอกาสเรียกความมั่นใจกลับมาได้อีกครั้งหนึ่ง
ใครบ้างที่เหมาะกับการปลูกขนคิ้วถาวร ?
มีเหตุผลมากมายที่การปลูกขนคิ้วถาวร ที่จะสามารถช่วยคุณได้ อีกทั้ง การปลูกขนคิ้วถาวรจะยิ่งเป็นคำตอบของปัญหาเกี่ยวกับขนคิ้วที่คุณกำลังเผชิญอยู่ หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่มีเหตุผลเหล่านี้
-
ผู้มีปัญหาขนคิ้วบาง จากอุบัติเหตุ หรือโรคผิวหนังบางชนิด
-
ผู้มีแผลเป็นบริเวณคิ้ว
-
ผู้ที่เคยเลเซอร์ลบรอยสักคิ้ว
-
ผู้ที่ที่ไม่มีขนคิ้วเลย ตั้งแต่กำเนิด
และสามารถช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ อีกมากมายรวมถึงการเสริมสร้างบุคคลิกให้มีความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น
การเตรียมตัวก่อนการทำ Eyebrow Hair Transplant
การเตรียมตัวก่อนการปลูกขนคิ้วในส่วนแรกนั้น ในกรณีที่มีโรคประจำตัว และมียาที่จำเป็นต้องใช้ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง รวมไปถึงการงดรับประทานยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี โสม น้ำมันตับปลา หรือยาแอสไพริน (Aspirin) และพลาวิกซ์ (Plavix)
งดการใช้ Rogaine หรือ Minoxidil ซึ่งเป็นสารช่วยในการเจริญเติบโตของผมประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการปลูกขนคิ้ว ในกรณีของผู้ป่วยโรคความดันสูงที่ใช้ยา Beta Blocker จำเป็นต้องแจ้งแพทย์เพื่อเปลี่ยนยาก่อนปลูกขนอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะยาประเภทยี้อาจจะมีผลกับยาชาที่ใช้ในการพูดปลูกขนคิ้วถาวร
ในเรื่องของการรับประทานอาหาร สามารถทานได้อย่างปกติ แต่ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุรี่อย่างน้อย 2 วันก่อนและหลังการปลูกคิ้ว รวมถึงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนจำพวกยาและกาแฟ และเรื่องสุดท้ายคือการพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมง พร้อมด้วยการสระผมก่อนเข้ารับการปลูกคิ้วถาวร
ข้อดีของ Eyebrow Hair Transplant
การปลูกขนคิ้วถาวรมีข้อดีที่มากมายและถือเป็นวิธีการรักษาที่เป็นธรรมชาติ ให้ผลลัพธืที่ดีในระยะยาว ตัวอย่างเช่น
-
ขนคิ้วที่มากขึ้นดูดกดำ และเห็นผลชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรก
-
ขนคิ้วมีความเป็นธรรมชาติ เสมือนกับไม่เคยผ่านปลูกคิ้วมาก่อน
-
ขนคิ้วที่ได้จะอยู่ถาวร ไม่มีการหลุงร่วง เพราะเป็นการใช้เซลล์ที่ยังไม่ตายนั่นเอง
-
สามารถแก้ปัญหาทุกสภาพขนคิ้วได้ เช่น คิ้วโล้นจากการหายไปของเซลล์ต้นกำเนิด
-
เป็นการศัลยกรรมที่สามารถทำได้ทุกเพสทุกวัย และยังสามารถปรับแต่งให้เข้ากับรูปหน้าตามความต้องการของผู้เข้ารับบริการได้อีกด้วย
ข้อจำกัดของ Eyebrow Hair Transplant
แม้ว่าการทำ Eyebrow Hair Transplant จะมีประโยชน์มากมายแต่การทำศัลยกรรมขนคิ้วนี้ก็มีข้อกำจัดบางอย่าง เช่น ในช่วงที่ได้รับการปลูกถ่ายเส้นขนในช่วงแรกเนื่องจากเป็นเซลล์คนละประเภท และเซลล์ของเส้นผมก็ยาวได้มากกว่า จึงต้องมีการเล็มและทำความสะอาดให้ดี ก่อนที่เซลล์จะมีการปรับตัวและไม่กลับมายาวเกินพอดี และมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น
นอกจากเรื่องของการดูแลในช่วงแรกนั้น เราก็ควรจะเข้ารับบริการกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์เพื่อป้องกันการผิดพลาด เช่น การขึ้นผิดตำแหน่ง และทิศทางของเส้นผม ไปยังคนละตำแหน่งกัน
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
ลักษณะของการปลูกคิ้วถาวรนั้นมีความคล้ายคลึงกับปลูกผมมาก ซึ่งมีการแบ่งเทคนิคของการทำ Eyebrow Hair Transplant เป็น 2 แบบหลัก ๆ นั่นคือ แบบ Strip FUT และ FUE
การปลูกคิ้วถาวรแบบ Strip FUT
เป็นการปลูกคิ้วโดยการตัดผิวหนังชั้นบนที่ศรีษะช่วงท้ายทอยบริเวณเหนือใบหู แล้วเย็บแผลติดกัน จากนั้นจะนำผิวหนังศีรษะที่มีรากผมอยู่มาตัดแบ่งเป็นส่วนย่อย โดยจะนับ 1 ส่วนย่อยเป็น 1 กราฟท์ ( กราฟท์ คือหน่วยเรียกชื่อ “กอผม” โดยในหนึ่งกราฟท์จะสามารถมีผมได้ตั้งแต่ 1 ถึง 4 เส้น แต่ในการปลูกคิ้วจะเลือกเฉพาะกราฟท์ที่มี 1 เส้นเท่านั้น )
-
ข้อดีของการใช้เทคนิค FUT : รากขนที่ได้มีความแข็งแรง และมีโอกาสปลูกติดมากกว่า รวมถึงผมก็ไม่ดูเบาบางลง
-
ข้อเสียของการใช้เทคนิค FUT : อาจจะหลงเหลือแผลเป็นด้านหลังศรีษะ และไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีหนังศรีษะตึงเกินไป
การปลูกคิ้วถาวรแบบ FUE
เป็นเทคนิคการปลูกคิ้วถาวรที่มีความละเอียดอ่อน โดยแพทยืจะใช้เครื่องมือขนาดเล็กนำเอาเซลล์รากผมในบริเวณท้ายทอย ทำให้ได้กราฟท์ออกมาแบบรวดเร็วและไม่ต้องตัดแบ่งเหมือนกับเทคนิค FUT
-
ข้อดีของการใช้เทคนิค FUE : ไม่ทิ้งร่องรอยแผลรอยเป็น เนื่องจากเป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กในการนำกราฟท์ออกมา
-
ข้อเสียของการใช้เทคนิค FUE : หากผมบางแล้วจะยิ่งทำให้ผมที่ท้ายทอยดูเบาบางขึ้น รากผมที่ได้อาจจะไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับเทคนิค FUT เนื่องจากเป็นการนำออกมาเฉพาะเซลล์ไม่มีเนื้อเยื่อรอบๆคอยหล่อเลี้ยงเหมือนเทคนิค FUT
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
ในระยะเวลา 5 วันแรกที่ยังมีแผลสด อาจจะพบกับอาการบวมบริเวณเปลือกตาบน หากต้องการให้แผลหายเร็วขึ้นแนะนำให้ใช้ Cold Pack ประคบโดยระมัดระวังไม่ให้โดนเปลือกตา
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
ในการดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม แนะนำให้ดูแลเป็นพิเศษดังนี้
-
การนอน แนะนำให้นอนหาย เพราะหากนอนในท่าทางอื่นอาจจะเผลอกระทบหมอนจนขนคิ้วหลุดออกมาได้
-
ไม่ควรยกของหนัก หรือออกกำลังกาย และหลีกเลี่ยงแสงแดดแรง รวมถึงความร้อน
-
ระมัดระวังไม่ให้ขนคิ้วเกิดการกระทบ หรือเสียดสีกับของแข็ง
-
ไม่ควรก้มซึ่ง หากต้องการหยิบของหรือสวนรองเท้าควรใช้วิธีย่อตัวแทน เพราะการก้มอาจทำให้เลือดออกจากแผลได้
-
หากมีเลือดออกมาก ในขั้นต้นในใช้ผ้าก๊อซกดบริเวณที่มีเลือกออกประมาณ 3 ถึง 5 นาที และกดต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเลือดหยุดไหล แต่หากเกิน 10 นาทีแล้วยังไม่หยุด ให้รีบเข้าพบ หรือปรึกษาแพทย์โดยเร็ว
-
สามารถล้างหน้าได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่ปลูกขนคิ้ว
-
ไม่แกะเกา หรือถู บริเวณที่รับการปลูกคิ้ว โดยสามารถแตะเบา หรือหายาแก้คันแทน
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
อัตราความสำเร็จของการปลูกขนคิ้วถาวร (Eyebrow Hair Transplant) นั้นนับเป็นอัตราความสำเร็จที่สูงถึง 99 เปอร์เซ็นต์ เมื่ออยู่ในการดูแลของแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ รวมถึงประสบการณ์ที่มาก และได้รับความร่วมมือจากผู้เข้ารับบริการ
ประเทศไทย มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางราชการว่า ราชอาณาจักรไทย ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายโดยแบ่งออกเป็น 4 ภูมิภาค 77 จังหวัด และมีอากาศค่อนข้างร้อนชื้นตลอดทั้งปี
เป็นที่ยอมรับกันว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก นำพาชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยให้เดินทางมาท่องเที่ยวและอาศัยอยู่ในประเทศไทยด้วยเหตุผลนานานับประการ และในปัจจุบันประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เนื่องจากมีความพร้อมในการให้บริการที่ได้มาตรฐานในระบบสากล รวมทั้งมีค่ารักษาพยาบาลที่ถูกกว่า และใน ปัจจุบัน ประเทศไทย มีจํานวนสถานพยาบาล ที่ได้รับ การรับรอง มาตรฐาน ในระดับ สากล JCI มากที่สุดใน AEC ถึง 56 แห่ง ซึ่งมาก เป็นอันดับ 4 ของโลก อีกด้วย
จังหวัดท่องเที่ยวที่ยอดนิยมของไทย
กรุงเทพมหานคร อันดับหนึ่งตลอดกาลคงต้องยกให้กับจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยและเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีย่านธุรกิจ และ แหล่งช้อปปิ้งอีกมากมาย ซึ่งถ้าพูดถึงที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ทุกคนต้องแวะไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติคือ วัดพระแก้ว, วัดอรุณ, วัดโพธิ์, เยาวราช, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งการเดินทางคมนาคมในกรุงเทพฯนั้นก็แสนจะสะดวกสบาย สามารถเดินทางได้โดยขนส่งสาธารณะ เช่น Airport link, BTS, MRT, รถแทกซี่, รถเมล์, รถตุ๊กตุ๊ก เป็นต้น
เชียงใหม่ เชียงใหม่ก็ถือเป็นเมืองยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในช่วงหน้าหนาว ซึ่งมีอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบายละมีบรรยากาศที่ดี เชียงใหม่ยังเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ และยังเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม สถานที่ที่น่าสนใจในเชียงใหม่ ได้แก่ วัดพระธาตุดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ ถนนนิมมานเหมินทร์ วัดอุโมงค์ เป็นต้น เชียงใหม่เป็นเหมือนศุนย์กลางการท่องเที่ยวทางภาคเหนือ เพราะสามารถต่อรถไปยังที่เที่ยวรอบ ๆ ได้อย่างสะดวก เช่น จ. เชียงราย, จ. แม่ฮ่องสอน เป็นต้น
ภูเก็ต เกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีหาดทรายที่สวยงาม มีน้ำทะเลใส เหมาะกับการเล่นน้ำและดำน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำแบบอื่น ๆ ชายหาดที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวก็คือ หาดป่าตอง, หาดกะตะ, หาดกะรน เป็นต้น ทั้งสามารถซื้อทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับยังเกาะใกล้ ๆได้ เช่น หมู่เกาะพีพี, เกาะราชา, เกาะไข่ เป็นต้น หากใครที่ไม่ชอบทะเล ก็สามารถเข้าไปเที่ยวชมวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวภูเก็ตภายในตัวเมืองได้ เช่น สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสที่ถนนถลาง, ซอยรมณีย์ หรือ ไหว้พระขอพรจากวัดฉลองซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวภูเก็ต เป็นต้น
พัทยา ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนและเป็นที่นิยมมากแห่งหนึ่งไม่แพ้สถานที่อื่น ๆ และเป็นที่รู้จักกันมากกว่าตัวจังหวัด และเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของคนไทยเพราะใกล้กรุงเทพเพียงแค่ 100 กิโลเมตร สามารถมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้สบาย และนอกจาก วอล์คกิ้งสตรีท ที่หลายๆคนนึกถึง พัทยายังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ปราสาทสัจธรรม, สวนน้ำรามายณะ เป็นต้น ซึ่งการเดินทางยอดนิยมสำหรับการมาพัทยาคือ การขับรถยนต์ส่วนตัว และการนั่งรถตู้จากกรุงเทพฯ และเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเดินทางมาพักผ่อนแบบครอบครัวอีกด้วย
สภาพภูมิอากาศของประเทศไทย
ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เขตศูนย์สูตร มีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เป็นตัวกำหนดลักษณะอากาศของประเทศไทย พื้นที่ส่วนบนเป็นภูเขาและที่ราบสูง พื้นที่ส่วนกลางเป็นที่ราบลุ่ม พื้นที่ทางใต้เป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล
ลักษณะภูมิอากาศ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ฤดูกาล ดังนี้ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม, ฤดูฝน จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน ถึงตุลาคม และฤดูหนาว จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ถึงมกราคม
อุณหภูมิโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ร้อนและไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีค่าเฉลี่ยทั่วประเทศประมาณ 27 องศาเซลเซียส มีค่าสูงสุดเฉลี่ย 32 องศาเซลเซียส และและต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส โดยมีค่าอุณหภูมิผันแปรตามสภาพภูมิประเทศ กล่าวคือ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศร้อนจัดและหนาวจัดกว่าภาคอื่น ๆ, ภาคกลางและภาคตะวันออก มีบางส่วนของพื้นที่ติดกับทะเล ทำให้อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วไปประมาณ 28 องศาเซลเซียส, ภาคใต้ทั้งสองฝั่งล้อมรอบด้วยทะเล อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27.3 องศาเซลเซียส
การเดินทางในประเทศไทย
การเดินทางในประเทศไทย ไม่ว่าจะเดินทางไปที่จังหวัดไหนก็มีความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางอากาศ หรือทางน้ำ
ทางบก ก็มีเส้นทางหลักที่สะดวกไปได้ทั่วถึงทุกจังหวัดในประเทศไทย และมีทางเลือกที่หลากหลาย เช่น การเดินทางโดยรถประจำทาง, รถแทกซี่ (มีบริการในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ๆ), รถมอเตอร์ไซค์ (นิยมใช้บริการในระยะใกล้ๆ) รถเช่า, หรือรถยนต์ส่วนบุคคล
ทางอากาศ ปัจจุบันประเทศไทยมีสายการบินในประเทศหลายสาย ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยอดนิยม เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว
ทางน้ำ เนื่องจากเมืองไทยมีแม่น้ำลำคลองอยู่ทั่วไป และยังมีหลายคลองที่มีเรือโดยสารวิ่งรับส่งคนตามท่าเรือต่าง ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ
ประชากรในประเทศไทย
ประเทศไทย มีจำนวนประชากรโดยประมาณ 65 ล้านคนซึ่งมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ โดยประมาณ 3 ใน 4 มีเชื้อสายไทย นอกจากนี้ยังมีคนไทยเชื้อสายจีนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนไทยเชื้อสายมลายูในภาคใต้ตอนล่าง และคนไทยเชื้อสายมอญ เขมร และชาวเขาเผ่าต่าง ๆ และประชากรส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ตามลำดับ
ข้อมูลอื่น ๆ
ภาษา ประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาราชการเพียงภาษาเดียว มีการระบุว่าเป็นภาษาหลักของการศึกษาและใช้ในราชการ ในขณะที่ ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่สองที่พบมากที่สุดในประเทศไทย
สกุลเงิน สกุลเงินที่ใช้เป็นสกุลเงินบาท
วันหยุด ราชการ ที่สำคัญ ของไทย ได้แก่ วัน ขึ้นปีใหม่, วัน สงกรานต์,วัน เฉลิมพระชน มพรรษา ของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินี, วัน แม่แห่งชาติ เป็นต้น
การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทย
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นับเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาลในเวลาที่ผ่านมา การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในประเทศไทย เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและโดดเด่น โดยที่ประเทศไทย ติดอันดับ 1 ของ เอเชีย เนื่องจากไทยมีหน่วยการแพทย์ที่มีคุณภาพ มีราคาที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้การรักษา รวมถึงประเทศไทยนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ มีจุดเด่น ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก และมีสถานพยาบาลที่พร้อม เช่น กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ภูเก็ต, และเกาะสมุย เป็นต้น