Mordee

ส่วนลด โปรโมชัน และ ดีลพิเศษ ด้านทันตกรรมและความงาม

ซื้อคูปองส่วนลดเพื่อจองใช้บริการ จัดฟันสวย ฉีดโบท็อกซ์ เสริมความงาม และศัลยกรรมอื่น ๆ มากมายใกล้คุณ

ค้นหาจากแผนที่
มาลิเน่ คลินิค สาขาอุดรธานี
มาลิเน่ คลินิค สาขาอุดรธานี
มาลิเน่ คลินิค สาขาอุดรธานี
มาลิเน่ คลินิค สาขาอุดรธานี
มาลิเน่ คลินิค สาขาอุดรธานี
Mordee เมืองอุดรธานี, อุดรธานี
5 จาก 5
4 รีวิว
2024 ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ฟรี Wi-fi ที่จอดรถ
Maline Clinic บริการเสริมความงามแบบครบวงจรด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทีมงานมืออาชีพ ให้บริการปรับรูปหน้า และดูแลผิวพรรณให้คุณสวยอ่อนเยาว์ได้ดั่งใจ เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ที่มีความมั่นใจมากกว่าเดิม ทางคลินิกให้คำปรึกษาและทำหัตถการโดยแพทย์ทุกเคส ไม่ยัดเยียดขายคอร์ส แต่เน้นเสริมสร้าง... อ่านต่อ
ดูทั้งหมด
ส่วนลด -50% ฿1,999 ฿999
เพิ่มรายการโปรด
23 คน
บีไอวายคลินิก สาขาวิภาวดี
บีไอวายคลินิก สาขาวิภาวดี
บีไอวายคลินิก สาขาวิภาวดี
บีไอวายคลินิก สาขาวิภาวดี
บีไอวายคลินิก สาขาวิภาวดี
Mordee จตุจักร, กรุงเทพมหานคร
5 จาก 5
10 รีวิว
2024 ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย เสริมความงาม ศัลยกรรมตกแต่งความงาม ร้านกาแฟ ฟรี Wi-fi ที่จอดรถ
บีไอวายคลินิก สาขาวิภาวดี ตั้งอยู่ในซอยร่วมศิริมิตร แขวงจอมพล เขตจตุจักร คอนโด LPN Park Vibha-Chatuchak เดินทางง่าย BiY Clinic เป็นคลินิกเสริมความงามที่ตกแต่งร้านในแนวชิค ทันสมัย ให้บรรยากาศสบาย ๆ ระหว่างนั่งรอเพื่อเข้าพบแพทย์ บีไอวายคลินิก สาขาวิภาวดี มีพนักงานและทีมแพทย์ที่คอยให้คำแนะนำและให้ข้... อ่านต่อ
ดูทั้งหมด
ยาเฉพาะสลายไขมันส่วนเกิน (Meso Fat)
ราคา ฿2,000 - ฿4,499
คลินิกเด็กและความงามหมอพิมพิกา
คลินิกเด็กและความงามหมอพิมพิกา
คลินิกเด็กและความงามหมอพิมพิกา
คลินิกเด็กและความงามหมอพิมพิกา
คลินิกเด็กและความงามหมอพิมพิกา
Mordee เมืองภูเก็ต, ภูเก็ต
4.5 จาก 5
14 รีวิว
2024 เสริมความงาม ศัลยกรรมตกแต่งความงาม โรคผิวหนัง
คลินิกเด็กและความงามหมอพิมพิกา โดยพ.ญ. พิมพิกา ตันติธรรมวงศ์ หรือหมอแอม กุมารแพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามที่มีประสบการณ์มากกว่า 5 ปี ที่นี่เป็นทั้งคลินิกเด็ก ความงาม และการฝังเข็มแบบครบวงจรหนึ่งเดียวในจังหวัดภูเก็ต ภายในพื้นที่กว้างขวาง สะอาดสะอ้าน การเลือกใช้ยาและเครื่องมือต่าง ๆ ได้มาตรฐาน... อ่านต่อ
ดูทั้งหมด
ยาเฉพาะสลายไขมันส่วนเกิน (Meso Fat)
สอบถามกับทางคลินิก

สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ ยาเฉพาะสลายไขมันส่วนเกิน (Meso Fat) ใน ไทย

Meso Fat คืออะไร ?

การฉีด Meso Fat นั้นคือการนำตัวยาเฉพาะ ซึ่งมีฤทธิ์ในการสลายไขมันมาฉีดเข้าไปใต้ผิวหนัง ในบริเวณที่มีไขมันอยู่มากและเป็นจุดที่ลดไขมันได้ยาก เช่น แก้ม ต้นแขน ต้นขา สะโพก เหนียง โดยเป็นวิธีที่สามารถได้ผลมากยิ่งขึ้นเมื่อทำร่วมกับการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย หรือการใช้ตัวยาตัวอื่น เช่น การใช้โบท็อก 

Meso Fat แบ่งออกเป็น 4 ประเภท  

ในปัจจุบันตัวยาที่นำมาใช้ในการทำ Meso Fat สามารถแบ่งได้ 4 ประเภทหลัก ๆ คือ

  • Mesostabyl  ทำหน้าที่คอยับยั้ง และช่วยลดการเกิดไขมัน ในชั้นเนื้อเยื่อ

  • L-carnitine ทำหน้าที่ช่วยสลายไขมันในจุดต่าง ๆ และเผาผลาญไขมัน มาใช้เป็นพลังงาน

  • Tyrosine  ทำหน้าที่เร่งระบบเผาผลาญให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น ตัวยา Theophylline 

  • Artichoke extract ซึ่งสามารถลดการสร้างกรดไขมันและระดับไขมัน ซึ่งสารตัวนี้สามารถลดไขมันเฉพาะจุดได้ และเป็นที่นิยมในการนำมาใช้ในการทำเมโสแฟต 

และนอกจากตัวยา 4 ประเภทนี้ ก็ยังมีตัวยาอื่น ๆ ที่สกัดมาจากธรรมชาติและมีประโยชน์ เช่น Daxpanthenol ที่สกัดมาจากไข่แดงและถั่วเหลือง ที่ในบางคลินิกนิยมนำยาใช้ เพราะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน รวมไปถึงตัวยาสามารถสลายออกไปได้เองหลังฉีด

ข้อดีของการใช้ Meso fat 

  • สามารถลดไขมันได้แบบเฉพาะจุด และเห็นผลได้ไว

  • ไม่ทิ้งรอยแผลหลังทำหัตถการ และไม่จำเป็นต้องพักฟื้น 

  • ไม่มีสารตกค้างภายใน และสะดวกในการประหยัดเวลา

  • ช่วยในการขจัดไขมันส่วนเกิน ในบริเวณที่ทำการฉีดเมโสแฟต 

  • ราคาไม่แพง และหากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็จะมีความปลอดภัยสูง  

ข้อเสียของการใช้ Meso fat

  • อาจเกิดรอยแดง หรือมีอาการบวมบริเวณจุดที่ฉีดเป็นเวลา 1 ถึง 2 วันหลังจากที่ฉีดแล้ว

  • หากพบว่าตนเองมีโอกาสที่จะแพ้สารในยาที่ใช้ ควรขอคำปรึกษากับแพทย์ให้ดี รวมถึงตรวจคลินิกนั้น ๆ เพื่อความปลอดภัย 

  • ไม่สามารถกำจัดไขมันที่มีจำนวนมากเกินไปได้ เนื่องจากการฉีดเมโสแฟต 1 ครั้งจะสามารถกำจัดไขมันได้เพียง 10 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น 

  • ตัวยา Meso fat บางตัวก็ยังไม่ได้รับ อย. ดังนั้นไม่ควรจะทำการสั่งมาทำเองจากอินเทอร์เน็ต และควรศึกษาให้ดีก่อนที่จะใช้

ยาต้องห้ามที่ไม่ควรจะนำมาใช้ในการทำ Meso fat เป็นอย่างยิ่ง

กลุ่มยาบางประเภทก็สามารถใช้รถไขมันได้เช่นกัน แต่ก็มีความอันตรายและควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยหากรู้ว่าคลินิก หรือสถานพยาบาลที่กำลังจะเข้ารับบริการมีการใช้สาร 2 ชนิด ที่กำลังจะกล่าวถึงควรหลีกเลี่ยง และห้ามใช้บริการโดยทันที โดยยาดังกล่าวคือ

  • สเตียรอยด์ (Steroid)

สารสเตียรอยด์ (Steroid) นั้นเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นยาที่สามารถส่งผลข้างเคียง ในระดับที่อันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว โดยหากนำสเตียรอยด์มาใช้เป็นส่วนหนึ่งในส่วนผสมของเมโสแฟต อาจจะทำให้หน้าบวมกว่าเดิม และกดภูมิคุ้มกันอีกด้วย ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงควรขอดู ยี่ห้อเมโสแฟตก่อนฉีด และเช็คให้ละเอียดทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย

  • ยาสลายฟิลเลอร์ (Hyaluronidase) 

ยา Hyaluronidase เป็นอีกหนึ่งตัวยาที่สามารถทำให้เนื้อยุบลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากตัวยานี้ทำให้ คอลลาเจนในผิวสลายไป แต่ผลข้างเคียงที่ตามมาคือทำให้เกิดริ้วรอย และผิวหนังหย่อนยานลงก่อนวัยอันควร

ใครบ้างที่เหมาะแก่การฉีดเมโสแฟต

ก่อนอื่นผู้ที่ได้รับการฉีดเมโสแฟตนั้น ควรที่จะมีอายุ 20 ปีขึ้นไปเท่านั้น และผู้ที่เหมาะแก่การทำหัตถการประเภทนี้ ได้แก่ 

  • ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินในปริมาณเล็กน้อย ถึง ปานกลาง

  • ผู้ที่ไม่มีความมั่นใจในสัดส่วน และรูปร่างของตนเอง

  • ผู้ที่ไม่ต้องการลดไขมันด้วยวิธีการผ่าตัด 

  • ผู้ที่มีปัญหาในการลดน้ำหนักแม้พยายามแล้ว

ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดเมโสแฟต

กลุ่มคนที่ไม่ควรทำหัตถการประเภทนี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ นั่นคือ

  • สตรีมีครรภ์ เพราะอาจทำให้เกิดภาวะเกร็งและเครียด ในขณะที่เข้ารับการทำหัตถการ 

  • กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว และผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด และทางเดินโลหิตทุกชนิด 

ซึ่งแม้ในปัจุบันยังไม่พบงานวิจัยหรือข้อบ่งชี้ว่าสามารถทำให้เกิดอันตรายโดยตรงได้ แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการเช่นนี้ เพื่อความปลอดภัย 

การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?

การทำ Meso fat นั้นสามารถทำรวมกับการทำหัตถการเพื่อความงานอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น การทำเมโสแฟตพร้อมกับการทำโบท็อก สามารถช่วยในการลดไขมันและกล้ามเนื้อส่วนเกินในเวลาเดียวกัน โดยจะนิยมทำให้จุดที่มีทั้งกล้ามเนื้อและไขมันในบริเวณเดียวกัน ได้แก่ กราม กรอบหน้า บริเวณน่องขา เป็นต้น

นอกเหนือจากนั้นยังมีการ ลิฟตืกรอบหน้า เพื่อให้เห็นกรอบหน้าที่ชัดเจน และการทำหัตถกรรมอีกหลาย ๆ รูปแบบ ที่สามารถเป็นไปได้ในการทำให้รูปร่าง และทรวดทรงของผู้เข้ารับการรักษา เป็นไปตามที่คาดหวังจนได้รับความพึงพอใจ

ขั้นตอนการฉีดเมโสแฟต

การฉีดแมโสแฟตมีขั้นตอนหลัก ๆ ในการปฏิบัติดังนี้ 

  • เข้ารับคำปรึกษาปัญหาไขมันส่วนเกิน และปัญหาผิวที่อยากยกกระชับกับแพทย์

  • เริ่มการประเมินการรักษาโดย เริ่มจากการกำหนดยี่ห้อ และปริมาณ  และอาจรวมไปถึงการจำหนดจำนวนครั้งเพื่อในการมาฉีด เพื่อให้เห็นผลในความต้องการของผู้เข้ารับบริการ 

  • เข้าสู่ขั้นตอนการฉีดโดยก่อนฉีดนั้น เจ้าหน้าที่จะต้องทำความสะอาดผิวให้ หลังจากนั้นอาจจะมีการประคบเย็น หรือแปะแผ่นยาชา เพื่อเตรียมการฉีดเมโส 

  • แพทย์จะเป็นคนฉีดยาชาตามปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งโดยส่วนมากจะใช้เวลาไม่นานโดยไม่เกืน 15 นาที

ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?

หลังจากได้รับการฉีดเมโสแฟต จะมีอาการบวมเข็มประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งหลังจากนั้นรอยจะค่อย ๆ หายไป ส่วนในบางรายอาจมีรอยช้ำซึ่งให้เวลา 1 ถึง 2 วัน โดยทั่วไปแล้วจะไม่ปรากฏอาการใดเพิ่มเติม 

การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?

หลังจากการรับเมโสแล้วมีข้อควรปฏิบัติ ดังนี้ 

  • งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่

  • งดการทำทรีทเมนต์ หรือสครับผิว เพื่ออาจจะทำให้แผลเปิดและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ 

  • งดการโดนความร้อน หรือกิจกรรมที่จะทำให้เกิดการบวมช้ำ

  • ออกกำลังกาย คู่กับการปรับพฤติกรรมการทานอาหาร 

มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?

อัตราความสำเร็จของเมโสแฟตนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เนื่องจากในคนไข้แต่ละรายล้วนแล้วแต่มีปริมาณไขมัน รวมไปถึงรูปร่างและสรีระที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรทำความแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้เข้ารับบริการ

ประเทศไทย มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางราชการว่า ราชอาณาจักรไทย ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายโดยแบ่งออกเป็น 4 ภูมิภาค 77 จังหวัด และมีอากาศค่อนข้างร้อนชื้นตลอดทั้งปี 

เป็นที่ยอมรับกันว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก นำพาชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยให้เดินทางมาท่องเที่ยวและอาศัยอยู่ในประเทศไทยด้วยเหตุผลนานานับประการ และในปัจจุบันประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เนื่องจากมีความพร้อมในการให้บริการที่ได้มาตรฐานในระบบสากล รวมทั้งมีค่ารักษาพยาบาลที่ถูกกว่า และใน ปัจจุบัน ประเทศไทย มีจํานวนสถานพยาบาล ที่ได้รับ การรับรอง มาตรฐาน ในระดับ สากล JCI มากที่สุดใน AEC ถึง 56 แห่ง ซึ่งมาก เป็นอันดับ 4 ของโลก อีกด้วย

จังหวัดท่องเที่ยวที่ยอดนิยมของไทย

กรุงเทพมหานคร อันดับหนึ่งตลอดกาลคงต้องยกให้กับจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยและเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีย่านธุรกิจ และ  แหล่งช้อปปิ้งอีกมากมาย ซึ่งถ้าพูดถึงที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ทุกคนต้องแวะไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติคือ วัดพระแก้ว, วัดอรุณ, วัดโพธิ์, เยาวราช, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งการเดินทางคมนาคมในกรุงเทพฯนั้นก็แสนจะสะดวกสบาย สามารถเดินทางได้โดยขนส่งสาธารณะ เช่น Airport link, BTS, MRT, รถแทกซี่, รถเมล์, รถตุ๊กตุ๊ก เป็นต้น

เชียงใหม่ เชียงใหม่ก็ถือเป็นเมืองยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในช่วงหน้าหนาว ซึ่งมีอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบายละมีบรรยากาศที่ดี เชียงใหม่ยังเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ และยังเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม สถานที่ที่น่าสนใจในเชียงใหม่ ได้แก่ วัดพระธาตุดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ ถนนนิมมานเหมินทร์ วัดอุโมงค์ เป็นต้น เชียงใหม่เป็นเหมือนศุนย์กลางการท่องเที่ยวทางภาคเหนือ เพราะสามารถต่อรถไปยังที่เที่ยวรอบ ๆ ได้อย่างสะดวก เช่น จ. เชียงราย, จ. แม่ฮ่องสอน เป็นต้น

ภูเก็ต เกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีหาดทรายที่สวยงาม มีน้ำทะเลใส เหมาะกับการเล่นน้ำและดำน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำแบบอื่น ๆ ชายหาดที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวก็คือ หาดป่าตอง, หาดกะตะ, หาดกะรน เป็นต้น ทั้งสามารถซื้อทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับยังเกาะใกล้ ๆได้ เช่น หมู่เกาะพีพี, เกาะราชา, เกาะไข่ เป็นต้น หากใครที่ไม่ชอบทะเล ก็สามารถเข้าไปเที่ยวชมวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวภูเก็ตภายในตัวเมืองได้ เช่น สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสที่ถนนถลาง, ซอยรมณีย์ หรือ ไหว้พระขอพรจากวัดฉลองซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวภูเก็ต เป็นต้น

พัทยา ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนและเป็นที่นิยมมากแห่งหนึ่งไม่แพ้สถานที่อื่น ๆ และเป็นที่รู้จักกันมากกว่าตัวจังหวัด และเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของคนไทยเพราะใกล้กรุงเทพเพียงแค่ 100 กิโลเมตร สามารถมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้สบาย และนอกจาก วอล์คกิ้งสตรีท ที่หลายๆคนนึกถึง พัทยายังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ปราสาทสัจธรรม, สวนน้ำรามายณะ เป็นต้น ซึ่งการเดินทางยอดนิยมสำหรับการมาพัทยาคือ การขับรถยนต์ส่วนตัว และการนั่งรถตู้จากกรุงเทพฯ และเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเดินทางมาพักผ่อนแบบครอบครัวอีกด้วย

สภาพภูมิอากาศของประเทศไทย

ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เขตศูนย์สูตร มีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เป็นตัวกำหนดลักษณะอากาศของประเทศไทย พื้นที่ส่วนบนเป็นภูเขาและที่ราบสูง พื้นที่ส่วนกลางเป็นที่ราบลุ่ม พื้นที่ทางใต้เป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล

ลักษณะภูมิอากาศ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ฤดูกาล ดังนี้ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม, ฤดูฝน จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน ถึงตุลาคม และฤดูหนาว จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ถึงมกราคม

อุณหภูมิโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ร้อนและไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีค่าเฉลี่ยทั่วประเทศประมาณ 27 องศาเซลเซียส มีค่าสูงสุดเฉลี่ย 32 องศาเซลเซียส และและต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส โดยมีค่าอุณหภูมิผันแปรตามสภาพภูมิประเทศ กล่าวคือ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศร้อนจัดและหนาวจัดกว่าภาคอื่น ๆ, ภาคกลางและภาคตะวันออก มีบางส่วนของพื้นที่ติดกับทะเล ทำให้อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วไปประมาณ 28 องศาเซลเซียส, ภาคใต้ทั้งสองฝั่งล้อมรอบด้วยทะเล อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27.3 องศาเซลเซียส

การเดินทางในประเทศไทย

การเดินทางในประเทศไทย ไม่ว่าจะเดินทางไปที่จังหวัดไหนก็มีความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางอากาศ หรือทางน้ำ

ทางบก ก็มีเส้นทางหลักที่สะดวกไปได้ทั่วถึงทุกจังหวัดในประเทศไทย และมีทางเลือกที่หลากหลาย เช่น การเดินทางโดยรถประจำทาง, รถแทกซี่ (มีบริการในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ๆ), รถมอเตอร์ไซค์ (นิยมใช้บริการในระยะใกล้ๆ) รถเช่า, หรือรถยนต์ส่วนบุคคล

ทางอากาศ ปัจจุบันประเทศไทยมีสายการบินในประเทศหลายสาย ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยอดนิยม เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว

ทางน้ำ เนื่องจากเมืองไทยมีแม่น้ำลำคลองอยู่ทั่วไป และยังมีหลายคลองที่มีเรือโดยสารวิ่งรับส่งคนตามท่าเรือต่าง ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ

ประชากรในประเทศไทย

ประเทศไทย มีจำนวนประชากรโดยประมาณ 65 ล้านคนซึ่งมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ โดยประมาณ 3 ใน 4 มีเชื้อสายไทย นอกจากนี้ยังมีคนไทยเชื้อสายจีนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนไทยเชื้อสายมลายูในภาคใต้ตอนล่าง และคนไทยเชื้อสายมอญ เขมร และชาวเขาเผ่าต่าง ๆ และประชากรส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ตามลำดับ

ข้อมูลอื่น ๆ

ภาษา ประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาราชการเพียงภาษาเดียว มีการระบุว่าเป็นภาษาหลักของการศึกษาและใช้ในราชการ ในขณะที่ ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่สองที่พบมากที่สุดในประเทศไทย

สกุลเงิน สกุลเงินที่ใช้เป็นสกุลเงินบาท

วันหยุด ราชการ ที่สำคัญ ของไทย ได้แก่ วัน ขึ้นปีใหม่, วัน สงกรานต์,วัน เฉลิมพระชน มพรรษา ของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินี, วัน แม่แห่งชาติ เป็นต้น

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทย

ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นับเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาลในเวลาที่ผ่านมา การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในประเทศไทย เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและโดดเด่น โดยที่ประเทศไทย ติดอันดับ 1 ของ เอเชีย  เนื่องจากไทยมีหน่วยการแพทย์ที่มีคุณภาพ มีราคาที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้การรักษา รวมถึงประเทศไทยนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ มีจุดเด่น ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก และมีสถานพยาบาลที่พร้อม เช่น กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ภูเก็ต, และเกาะสมุย เป็นต้น