Mordee

ส่วนลด โปรโมชัน และ ดีลพิเศษ ด้านทันตกรรมและความงาม

ซื้อคูปองส่วนลดเพื่อจองใช้บริการ จัดฟันสวย ฉีดโบท็อกซ์ เสริมความงาม และศัลยกรรมอื่น ๆ มากมายใกล้คุณ

ค้นหาจากแผนที่

คลินิก / ร้าน อื่นๆ ที่มี ยาเฉพาะสลายไขมันส่วนเกิน (Meso Fat)

บีไอวายคลินิก สาขาวิภาวดี
บีไอวายคลินิก สาขาวิภาวดี
บีไอวายคลินิก สาขาวิภาวดี
บีไอวายคลินิก สาขาวิภาวดี
บีไอวายคลินิก สาขาวิภาวดี
Mordee จตุจักร, กรุงเทพมหานคร
5 จาก 5
10 รีวิว
2024 ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย เสริมความงาม ศัลยกรรมตกแต่งความงาม ร้านกาแฟ ฟรี Wi-fi ที่จอดรถ
บีไอวายคลินิก สาขาวิภาวดี ตั้งอยู่ในซอยร่วมศิริมิตร แขวงจอมพล เขตจตุจักร คอนโด LPN Park Vibha-Chatuchak เดินทางง่าย BiY Clinic เป็นคลินิกเสริมความงามที่ตกแต่งร้านในแนวชิค ทันสมัย ให้บรรยากาศสบาย ๆ ระหว่างนั่งรอเพื่อเข้าพบแพทย์ บีไอวายคลินิก สาขาวิภาวดี มีพนักงานและทีมแพทย์ที่คอยให้คำแนะนำและให้ข้... อ่านต่อ
ดูทั้งหมด
ยาเฉพาะสลายไขมันส่วนเกิน (Meso Fat)
ราคา ฿2,000 - ฿4,499

สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ ยาเฉพาะสลายไขมันส่วนเกิน (Meso Fat) ใน กรุงเทพมหานคร

Meso Fat คืออะไร ?

การฉีด Meso Fat นั้นคือการนำตัวยาเฉพาะ ซึ่งมีฤทธิ์ในการสลายไขมันมาฉีดเข้าไปใต้ผิวหนัง ในบริเวณที่มีไขมันอยู่มากและเป็นจุดที่ลดไขมันได้ยาก เช่น แก้ม ต้นแขน ต้นขา สะโพก เหนียง โดยเป็นวิธีที่สามารถได้ผลมากยิ่งขึ้นเมื่อทำร่วมกับการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย หรือการใช้ตัวยาตัวอื่น เช่น การใช้โบท็อก 

Meso Fat แบ่งออกเป็น 4 ประเภท  

ในปัจจุบันตัวยาที่นำมาใช้ในการทำ Meso Fat สามารถแบ่งได้ 4 ประเภทหลัก ๆ คือ

  • Mesostabyl  ทำหน้าที่คอยับยั้ง และช่วยลดการเกิดไขมัน ในชั้นเนื้อเยื่อ

  • L-carnitine ทำหน้าที่ช่วยสลายไขมันในจุดต่าง ๆ และเผาผลาญไขมัน มาใช้เป็นพลังงาน

  • Tyrosine  ทำหน้าที่เร่งระบบเผาผลาญให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น ตัวยา Theophylline 

  • Artichoke extract ซึ่งสามารถลดการสร้างกรดไขมันและระดับไขมัน ซึ่งสารตัวนี้สามารถลดไขมันเฉพาะจุดได้ และเป็นที่นิยมในการนำมาใช้ในการทำเมโสแฟต 

และนอกจากตัวยา 4 ประเภทนี้ ก็ยังมีตัวยาอื่น ๆ ที่สกัดมาจากธรรมชาติและมีประโยชน์ เช่น Daxpanthenol ที่สกัดมาจากไข่แดงและถั่วเหลือง ที่ในบางคลินิกนิยมนำยาใช้ เพราะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน รวมไปถึงตัวยาสามารถสลายออกไปได้เองหลังฉีด

ข้อดีของการใช้ Meso fat 

  • สามารถลดไขมันได้แบบเฉพาะจุด และเห็นผลได้ไว

  • ไม่ทิ้งรอยแผลหลังทำหัตถการ และไม่จำเป็นต้องพักฟื้น 

  • ไม่มีสารตกค้างภายใน และสะดวกในการประหยัดเวลา

  • ช่วยในการขจัดไขมันส่วนเกิน ในบริเวณที่ทำการฉีดเมโสแฟต 

  • ราคาไม่แพง และหากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็จะมีความปลอดภัยสูง  

ข้อเสียของการใช้ Meso fat

  • อาจเกิดรอยแดง หรือมีอาการบวมบริเวณจุดที่ฉีดเป็นเวลา 1 ถึง 2 วันหลังจากที่ฉีดแล้ว

  • หากพบว่าตนเองมีโอกาสที่จะแพ้สารในยาที่ใช้ ควรขอคำปรึกษากับแพทย์ให้ดี รวมถึงตรวจคลินิกนั้น ๆ เพื่อความปลอดภัย 

  • ไม่สามารถกำจัดไขมันที่มีจำนวนมากเกินไปได้ เนื่องจากการฉีดเมโสแฟต 1 ครั้งจะสามารถกำจัดไขมันได้เพียง 10 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น 

  • ตัวยา Meso fat บางตัวก็ยังไม่ได้รับ อย. ดังนั้นไม่ควรจะทำการสั่งมาทำเองจากอินเทอร์เน็ต และควรศึกษาให้ดีก่อนที่จะใช้

ยาต้องห้ามที่ไม่ควรจะนำมาใช้ในการทำ Meso fat เป็นอย่างยิ่ง

กลุ่มยาบางประเภทก็สามารถใช้รถไขมันได้เช่นกัน แต่ก็มีความอันตรายและควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยหากรู้ว่าคลินิก หรือสถานพยาบาลที่กำลังจะเข้ารับบริการมีการใช้สาร 2 ชนิด ที่กำลังจะกล่าวถึงควรหลีกเลี่ยง และห้ามใช้บริการโดยทันที โดยยาดังกล่าวคือ

  • สเตียรอยด์ (Steroid)

สารสเตียรอยด์ (Steroid) นั้นเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นยาที่สามารถส่งผลข้างเคียง ในระดับที่อันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว โดยหากนำสเตียรอยด์มาใช้เป็นส่วนหนึ่งในส่วนผสมของเมโสแฟต อาจจะทำให้หน้าบวมกว่าเดิม และกดภูมิคุ้มกันอีกด้วย ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงควรขอดู ยี่ห้อเมโสแฟตก่อนฉีด และเช็คให้ละเอียดทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย

  • ยาสลายฟิลเลอร์ (Hyaluronidase) 

ยา Hyaluronidase เป็นอีกหนึ่งตัวยาที่สามารถทำให้เนื้อยุบลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากตัวยานี้ทำให้ คอลลาเจนในผิวสลายไป แต่ผลข้างเคียงที่ตามมาคือทำให้เกิดริ้วรอย และผิวหนังหย่อนยานลงก่อนวัยอันควร

ใครบ้างที่เหมาะแก่การฉีดเมโสแฟต

ก่อนอื่นผู้ที่ได้รับการฉีดเมโสแฟตนั้น ควรที่จะมีอายุ 20 ปีขึ้นไปเท่านั้น และผู้ที่เหมาะแก่การทำหัตถการประเภทนี้ ได้แก่ 

  • ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินในปริมาณเล็กน้อย ถึง ปานกลาง

  • ผู้ที่ไม่มีความมั่นใจในสัดส่วน และรูปร่างของตนเอง

  • ผู้ที่ไม่ต้องการลดไขมันด้วยวิธีการผ่าตัด 

  • ผู้ที่มีปัญหาในการลดน้ำหนักแม้พยายามแล้ว

ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดเมโสแฟต

กลุ่มคนที่ไม่ควรทำหัตถการประเภทนี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ นั่นคือ

  • สตรีมีครรภ์ เพราะอาจทำให้เกิดภาวะเกร็งและเครียด ในขณะที่เข้ารับการทำหัตถการ 

  • กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว และผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด และทางเดินโลหิตทุกชนิด 

ซึ่งแม้ในปัจุบันยังไม่พบงานวิจัยหรือข้อบ่งชี้ว่าสามารถทำให้เกิดอันตรายโดยตรงได้ แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการเช่นนี้ เพื่อความปลอดภัย 

การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?

การทำ Meso fat นั้นสามารถทำรวมกับการทำหัตถการเพื่อความงานอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น การทำเมโสแฟตพร้อมกับการทำโบท็อก สามารถช่วยในการลดไขมันและกล้ามเนื้อส่วนเกินในเวลาเดียวกัน โดยจะนิยมทำให้จุดที่มีทั้งกล้ามเนื้อและไขมันในบริเวณเดียวกัน ได้แก่ กราม กรอบหน้า บริเวณน่องขา เป็นต้น

นอกเหนือจากนั้นยังมีการ ลิฟตืกรอบหน้า เพื่อให้เห็นกรอบหน้าที่ชัดเจน และการทำหัตถกรรมอีกหลาย ๆ รูปแบบ ที่สามารถเป็นไปได้ในการทำให้รูปร่าง และทรวดทรงของผู้เข้ารับการรักษา เป็นไปตามที่คาดหวังจนได้รับความพึงพอใจ

ขั้นตอนการฉีดเมโสแฟต

การฉีดแมโสแฟตมีขั้นตอนหลัก ๆ ในการปฏิบัติดังนี้ 

  • เข้ารับคำปรึกษาปัญหาไขมันส่วนเกิน และปัญหาผิวที่อยากยกกระชับกับแพทย์

  • เริ่มการประเมินการรักษาโดย เริ่มจากการกำหนดยี่ห้อ และปริมาณ  และอาจรวมไปถึงการจำหนดจำนวนครั้งเพื่อในการมาฉีด เพื่อให้เห็นผลในความต้องการของผู้เข้ารับบริการ 

  • เข้าสู่ขั้นตอนการฉีดโดยก่อนฉีดนั้น เจ้าหน้าที่จะต้องทำความสะอาดผิวให้ หลังจากนั้นอาจจะมีการประคบเย็น หรือแปะแผ่นยาชา เพื่อเตรียมการฉีดเมโส 

  • แพทย์จะเป็นคนฉีดยาชาตามปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งโดยส่วนมากจะใช้เวลาไม่นานโดยไม่เกืน 15 นาที

ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?

หลังจากได้รับการฉีดเมโสแฟต จะมีอาการบวมเข็มประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งหลังจากนั้นรอยจะค่อย ๆ หายไป ส่วนในบางรายอาจมีรอยช้ำซึ่งให้เวลา 1 ถึง 2 วัน โดยทั่วไปแล้วจะไม่ปรากฏอาการใดเพิ่มเติม 

การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?

หลังจากการรับเมโสแล้วมีข้อควรปฏิบัติ ดังนี้ 

  • งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่

  • งดการทำทรีทเมนต์ หรือสครับผิว เพื่ออาจจะทำให้แผลเปิดและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ 

  • งดการโดนความร้อน หรือกิจกรรมที่จะทำให้เกิดการบวมช้ำ

  • ออกกำลังกาย คู่กับการปรับพฤติกรรมการทานอาหาร 

มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?

อัตราความสำเร็จของเมโสแฟตนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เนื่องจากในคนไข้แต่ละรายล้วนแล้วแต่มีปริมาณไขมัน รวมไปถึงรูปร่างและสรีระที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรทำความแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้เข้ารับบริการ

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร

คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี


สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น


การเดินทางในกรุงเทพมหานคร

การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น


 ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร

กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย

สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร

กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม

อื่นๆ

การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง