สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ เลเซอร์กำจัดขน ใน ไทย
ในปัจจุบันนี้มีการกำจัดขนในบริเวณที่ไม่พึงประสงค์ได้หลากหลายวิธี ซึ่งหนึ่งในวิธีในการกำจัดขนที่เป็นที่นิยมมากขึ้นและเห็นผลดีที่สุด คือการใช้เลเซอร์กำจัดขน โดยเลเซอร์นั้น จะมีประสิทธิภาพในระดับที่มากพอเพื่อกำจัดขนในบริเวณที่ต้องการ ซึ่งเป็นวิธีที่เจ็บน้อยกว่าการถอน หรือแวกซ์
ข้อดี เลเซอร์กำจัดขนถาวร
1. ขนหายไปถาวร หากมีการงอกขึ้นมาใหม่ ก็จะมีอัตราที่น้อยลง และบางลง
2. ผิวเนียน ไม่เป็นขนคุด
3. ไม่ต้องกังวลเลือดไหล ระคายผิวจากการโกน
4. ช่วยลดกลิ่นเหงื่อ และหนังไก่บริเวณรักแร้
5. ประหยัดเวลากว่าการถอน ทำร้ายผิวหนังน้อยลง
ข้อเสีย เลเซอร์กำจัดขนถาวร
1. ต้องทำซ้ำ ทำต่อเนื่องหลาย ๆ ครั้ง จึงจะเห็นผล
2. อาจเกิดรอยไหม้ สีผิวไม่สม่ำเสมอได้
3. ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่เหมาะแก่การทำด้วยตัวเอง
4. มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
5. ผิวอาจแดงและบวมได้ ต้องดูแลผิวเพิ่มเติม และระมัดระวังการออกแดด การทาครีมที่ทำให้ผิวระคายเคือง
ก่อนการเลือกสถานพยาบาล/คลินิกเพื่อกำจัดขน
1. ควรเลือกสถานพยาบาล หรือคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์เกี่ยวกับการทำเลเซอร์กำจัดขน
2. ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ ประเมินผลลัพธ์ ค่าใช้จ่าย และความเสี่ยงก่อนเข้ารับการรักษา
3. หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด และทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ ในระยะ 6 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการเลเซอร์
4. หลีกเลี่ยงการถอน โกน กำจัดขนด้วยวิธีอื่น ๆ ก่อนการทำเลเซอร์ ในระยะ 4 สัปดาห์ เพื่อลดการระคายเคืองผิวหนัง
5. งดยาที่ก่อให้เกิดการอุดตันในเส้นเลือด เช่น แอสไพริน หรือยาแก้อักเสบ
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
เลเซอร์สามารถกำจัดขนด้วย ความแม่นยำ สามารถเลือกและล็อกเป้าหมายที่เป็นขนสีเข้มและหยาบได้ โดยที่ผิวหนังในบริเวณนั้น หรือโดยรอบ ไม่เกิดความเสียหาย และ ความเร็ว เลเซอร์จะใช้เพียงเสี้ยววินาทีในการทำลายเส้นขนในบริเวณกว้าง ช่วยประหยัดเวลาในการกำจัดเป็นอย่างมาก
การเลเซอร์กำจัดขนถาวร ช่วยในการกำจัดขนบริเวณที่ไม่ต้องการออกจากร่างกาย เป็นการทำลายเส้นขนไปถึงรากขนชั้นใต้ผิวหนัง โดยส่วนใหญ่เป็นการเอาขนออกจากใบหน้า แขน ขา ใต้วงแขน แนวบิกินี และส่วนอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการให้เส้นขนขึ้น การกำจัดขนในบริเวณที่ไม่พึงประสงค์สามารถเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ตนเอง และการใช้เลเซอร์สามารถทดแทนการโกน ถอน หรือแวกซ์ ได้เป็นอย่างดี มีวิธีการและผลลัพธ์ ดังนี้
การกำจัดขนแบบถาวร เป็นนวัตกรรมที่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่มีวิธีการที่ไม่ยุ่งยากมาก วิธีนี้จะทำให้ขนค่อย ๆ จาง เบาบางลงไปเรื่อย ๆ และไม่ค่อยมีผลข้างเคียงตามมา การกำจัดขนถาวรนี้ สามารถทำได้ด้วยการทำ เลเซอร์กำจัดขน ซึ่งประเภทของเลเซอร์กำจัดขนถาวร ที่นิยมในไทย มีดังนี้
1. IPL (Intense Pulsed Light) เลเซอร์กำจัดขนที่ราคาถูกและนิยมมากในเมืองไทย มีลำแสงที่กว้าง ต้องยิงซ้ำหลาย ๆ รอบ
2. Gentle YAG / Nd:YAG (แย๊ก) เลเซอร์กำจัดขนที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ในประเทศไทย มีประสิทธิภาพที่สามารถลบรอยสักออกไปได้ นิยมใช้กับการเลเซอร์ในจุดเล็ก ๆ อย่างบริเวณใบหน้า
3. Diode (ไดโอด) เลเซอร์กำจัดขนคลื่นความถี่กว้างหลากหลายขนาด สามารถปรับให้เหมาะสมกับสีผิวผู้เข้ารับการรักษาได้ เลเซอร์ชนิดนี้ ต้องคอยใช้เจลปรับลดระดับความร้อนอยู่ตลอดเวลา จึงไม่เหมาะกับผิวหน้า
ปกติโดยทั่วไป เลเซอร์กำจัดขน จะนิยมทำเลเซอร์ที่บริเวณรักแร้ bikini line หนวด เครา แขน และขา สามารถใช้เลเซอร์กำจัดขนได้ทั่วทั้งร่างกาย ยกเว้นรอบดวงตา
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
1. ใน 1 - 2 วันแรกอาจพบรอยแดงคล้ายโดนแดดบริเวณที่ทำเลเซอร์ สามารถแก้ได้โดยทำการประคบเย็นหรือทาครีมที่มีส่วนผสมของมอยซ์เจอไรเซอร์ เพื่อลดการระคายเคือง
2. ควรงดแต่งหน้าหลังจากทำการเลเซอร์ขนบริเวณใบหน้าหากยังมีอาการบวม
3. หลังจากการทำเลเซอร์ ขนจะค่อย ๆ หลุดไปภายใน 2 - 3 อาทิตย์ ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ถาวร อาจจะต้องทำเลเซอร์ซ้ำประมาณ 8 - 12 ครั้ง และควรเว้นระยะประมาณ 4 - 6 สัปดาห์
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
ไม่ต้องมีการดูแลเป็นพิเศษหลังการทำ เพียงแต่ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น แดดจัด หลังการทำในช่วง 3 วันแรก และควรหลีกเลี่ยง การเข้ายิม อบซาวน่า หรือการอาบน้ำร้อน ซึ่งอาจก่อให้เกิดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้ผิวดูไม่สม่ำเสมอได้ นอกจากนี้ ในช่วงแรกให้ทาครีมกันแดดเสมอ รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้สารบำรุงผิวที่ทำให้ผิวหนังระคายเคือง เช่น Retin-A (AHA) เป็นต้น
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
โดยทั่วไปเส้นขนจะค่อย ๆ ถูกดันให้หลุดออกจากผิวหนัง และเห็นผลชัดเจนหลังการทำภายใน 3 - 6 ครั้ง นอกจากนี้ อาจมีตุ่มพอง ผิวหลุดลอก มีรอยแผล สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือมีขนสีขาว ในบางรายได้ ซึ่งมีอัตราการเกิดขึ้นได้น้อยมาก
IPL จะค่อย ๆ ลดอัตราการงอกใหม่ของเส้นขน เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ควรทำซ้ำทุก ๆ 2 สัปดาห์ ในระยะเวลา 2 เดือน หลังจากนั้นค่อยลดความถี่ลงมาที่ทุก 6 - 8 สัปดาห์
Nd:YAG แต่ละครั้งให้ผล 20 - 30 % ต้องทำต่อเนื่อง และไม่น้อยกว่า 4 ครั้ง เส้นขนจะถูกทำลายโดยถาวร แต่ยังมีขนที่ดื้อต่อการรักษาต้องรับการรักษาต่อเนื่องอีก 2 - 3 ครั้ง ขนนั้นก็จะมีเส้นเล็กและบางลงอย่างเห็นได้ชัด
Diode เห็นผลเพียง 30% ต้องกลับมาทำซ้ำ จำนวนครั้งขึ้นอยู่กับปริมาณขนในแต่ละบริเวณ ลักษณะเส้นขน และสีผิว ให้ทำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 5 - 8 ครั้ง เว้นระยะทุก 4 - 6 สัปดาห์
เลเซอร์กำจัดขน สามารถกำจัดขนออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน มีความปลอดภัย
ประเทศไทย มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางราชการว่า ราชอาณาจักรไทย ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายโดยแบ่งออกเป็น 4 ภูมิภาค 77 จังหวัด และมีอากาศค่อนข้างร้อนชื้นตลอดทั้งปี
เป็นที่ยอมรับกันว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก นำพาชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยให้เดินทางมาท่องเที่ยวและอาศัยอยู่ในประเทศไทยด้วยเหตุผลนานานับประการ และในปัจจุบันประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เนื่องจากมีความพร้อมในการให้บริการที่ได้มาตรฐานในระบบสากล รวมทั้งมีค่ารักษาพยาบาลที่ถูกกว่า และใน ปัจจุบัน ประเทศไทย มีจํานวนสถานพยาบาล ที่ได้รับ การรับรอง มาตรฐาน ในระดับ สากล JCI มากที่สุดใน AEC ถึง 56 แห่ง ซึ่งมาก เป็นอันดับ 4 ของโลก อีกด้วย
จังหวัดท่องเที่ยวที่ยอดนิยมของไทย
กรุงเทพมหานคร อันดับหนึ่งตลอดกาลคงต้องยกให้กับจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยและเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีย่านธุรกิจ และ แหล่งช้อปปิ้งอีกมากมาย ซึ่งถ้าพูดถึงที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ทุกคนต้องแวะไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติคือ วัดพระแก้ว, วัดอรุณ, วัดโพธิ์, เยาวราช, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งการเดินทางคมนาคมในกรุงเทพฯนั้นก็แสนจะสะดวกสบาย สามารถเดินทางได้โดยขนส่งสาธารณะ เช่น Airport link, BTS, MRT, รถแทกซี่, รถเมล์, รถตุ๊กตุ๊ก เป็นต้น
เชียงใหม่ เชียงใหม่ก็ถือเป็นเมืองยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในช่วงหน้าหนาว ซึ่งมีอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบายละมีบรรยากาศที่ดี เชียงใหม่ยังเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ และยังเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม สถานที่ที่น่าสนใจในเชียงใหม่ ได้แก่ วัดพระธาตุดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ ถนนนิมมานเหมินทร์ วัดอุโมงค์ เป็นต้น เชียงใหม่เป็นเหมือนศุนย์กลางการท่องเที่ยวทางภาคเหนือ เพราะสามารถต่อรถไปยังที่เที่ยวรอบ ๆ ได้อย่างสะดวก เช่น จ. เชียงราย, จ. แม่ฮ่องสอน เป็นต้น
ภูเก็ต เกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีหาดทรายที่สวยงาม มีน้ำทะเลใส เหมาะกับการเล่นน้ำและดำน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำแบบอื่น ๆ ชายหาดที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวก็คือ หาดป่าตอง, หาดกะตะ, หาดกะรน เป็นต้น ทั้งสามารถซื้อทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับยังเกาะใกล้ ๆได้ เช่น หมู่เกาะพีพี, เกาะราชา, เกาะไข่ เป็นต้น หากใครที่ไม่ชอบทะเล ก็สามารถเข้าไปเที่ยวชมวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวภูเก็ตภายในตัวเมืองได้ เช่น สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสที่ถนนถลาง, ซอยรมณีย์ หรือ ไหว้พระขอพรจากวัดฉลองซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวภูเก็ต เป็นต้น
พัทยา ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนและเป็นที่นิยมมากแห่งหนึ่งไม่แพ้สถานที่อื่น ๆ และเป็นที่รู้จักกันมากกว่าตัวจังหวัด และเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของคนไทยเพราะใกล้กรุงเทพเพียงแค่ 100 กิโลเมตร สามารถมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้สบาย และนอกจาก วอล์คกิ้งสตรีท ที่หลายๆคนนึกถึง พัทยายังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ปราสาทสัจธรรม, สวนน้ำรามายณะ เป็นต้น ซึ่งการเดินทางยอดนิยมสำหรับการมาพัทยาคือ การขับรถยนต์ส่วนตัว และการนั่งรถตู้จากกรุงเทพฯ และเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเดินทางมาพักผ่อนแบบครอบครัวอีกด้วย
สภาพภูมิอากาศของประเทศไทย
ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เขตศูนย์สูตร มีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เป็นตัวกำหนดลักษณะอากาศของประเทศไทย พื้นที่ส่วนบนเป็นภูเขาและที่ราบสูง พื้นที่ส่วนกลางเป็นที่ราบลุ่ม พื้นที่ทางใต้เป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล
ลักษณะภูมิอากาศ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ฤดูกาล ดังนี้ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม, ฤดูฝน จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน ถึงตุลาคม และฤดูหนาว จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ถึงมกราคม
อุณหภูมิโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ร้อนและไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีค่าเฉลี่ยทั่วประเทศประมาณ 27 องศาเซลเซียส มีค่าสูงสุดเฉลี่ย 32 องศาเซลเซียส และและต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส โดยมีค่าอุณหภูมิผันแปรตามสภาพภูมิประเทศ กล่าวคือ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศร้อนจัดและหนาวจัดกว่าภาคอื่น ๆ, ภาคกลางและภาคตะวันออก มีบางส่วนของพื้นที่ติดกับทะเล ทำให้อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วไปประมาณ 28 องศาเซลเซียส, ภาคใต้ทั้งสองฝั่งล้อมรอบด้วยทะเล อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27.3 องศาเซลเซียส
การเดินทางในประเทศไทย
การเดินทางในประเทศไทย ไม่ว่าจะเดินทางไปที่จังหวัดไหนก็มีความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางอากาศ หรือทางน้ำ
ทางบก ก็มีเส้นทางหลักที่สะดวกไปได้ทั่วถึงทุกจังหวัดในประเทศไทย และมีทางเลือกที่หลากหลาย เช่น การเดินทางโดยรถประจำทาง, รถแทกซี่ (มีบริการในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ๆ), รถมอเตอร์ไซค์ (นิยมใช้บริการในระยะใกล้ๆ) รถเช่า, หรือรถยนต์ส่วนบุคคล
ทางอากาศ ปัจจุบันประเทศไทยมีสายการบินในประเทศหลายสาย ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยอดนิยม เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว
ทางน้ำ เนื่องจากเมืองไทยมีแม่น้ำลำคลองอยู่ทั่วไป และยังมีหลายคลองที่มีเรือโดยสารวิ่งรับส่งคนตามท่าเรือต่าง ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ
ประชากรในประเทศไทย
ประเทศไทย มีจำนวนประชากรโดยประมาณ 65 ล้านคนซึ่งมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ โดยประมาณ 3 ใน 4 มีเชื้อสายไทย นอกจากนี้ยังมีคนไทยเชื้อสายจีนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนไทยเชื้อสายมลายูในภาคใต้ตอนล่าง และคนไทยเชื้อสายมอญ เขมร และชาวเขาเผ่าต่าง ๆ และประชากรส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ตามลำดับ
ข้อมูลอื่น ๆ
ภาษา ประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาราชการเพียงภาษาเดียว มีการระบุว่าเป็นภาษาหลักของการศึกษาและใช้ในราชการ ในขณะที่ ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่สองที่พบมากที่สุดในประเทศไทย
สกุลเงิน สกุลเงินที่ใช้เป็นสกุลเงินบาท
วันหยุด ราชการ ที่สำคัญ ของไทย ได้แก่ วัน ขึ้นปีใหม่, วัน สงกรานต์,วัน เฉลิมพระชน มพรรษา ของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินี, วัน แม่แห่งชาติ เป็นต้น
การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทย
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นับเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาลในเวลาที่ผ่านมา การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในประเทศไทย เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและโดดเด่น โดยที่ประเทศไทย ติดอันดับ 1 ของ เอเชีย เนื่องจากไทยมีหน่วยการแพทย์ที่มีคุณภาพ มีราคาที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้การรักษา รวมถึงประเทศไทยนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ มีจุดเด่น ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก และมีสถานพยาบาลที่พร้อม เช่น กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ภูเก็ต, และเกาะสมุย เป็นต้น