สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ เสริมคาง ใน กรุงเทพมหานคร
การผ่าตัดเสริมคาง เป็นการทำศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมในลำดับต้น ๆ ของการศัลยกรรมบริเวณใบหน้า เพราะโดยทั่วไปคนเอเชีย และคนไทยจำนวนมาก จะมีคางสั้นผิดรูป จึงทำให้ใบหน้าดูสั้น ไม่สวย สมส่วน และในบางคนที่คางสั้น อาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องทางเดินหายใจร่วมด้วย และการผ่าตัดเสริมคาง ยังสามารถช่วยแก้ไขโรคหยุดหายใจขณะหลับได้ด้วย การเสริมคาง จึงเป็นที่นิยมเพิ่มมาก เพราะมีความปลอดภัย ทำได้ไม่ยากและมักทำ ร่วมกับการแต่งริมฝีปาก เพื่อปรับแต่งโครงหน้าให้ดูสวย เข้ากัน มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
การเสริมคาง มี 2 แบบ
- การเสริมคางด้วยซิลิโคน จะให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวรและสมบูรณ์ เนื่องจากภายหลังจากการทำไปแล้ว 1 ปี อาจทำให้เกิดปัญหากับเนื้อเยื่อภายในหรือซิลิโคนได้ ซึ่งส่งผลให้เกิดคางเบี้ยว คางห้อย คางตัด คางแหลมเกินไป หรือเนื้อคาง กว้างหนาขึ้นมาได้ ดังนั้น ผู้ที่เสริมคางโดยวิธีนี้ จะพยายามหาวิธีแก้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพอใจ โดยการเสริมคางด้วยซิลิโคน สามารถทำได้ 2 วิธีด้วยกัน คือ การผ่าตัดในช่องปาก และผ่าตัดใต้คาง
- การเสริมคางด้วยกระดูกตัวเอง เป็นการผ่าตัดโดยการเลื่อนตัดกระดูกคาง แล้วเลื่อนกระดูกให้ขยับมาชิดกัน จึงทำให้ ช่วงคางมีความเรียว สามารถลดความกว้างของคาง และยังช่วยแก้ไขปัญหาคางถอยเกินหรือยื่นเกินไป ให้อยู่ใน ระดับที่เหมาะสมได้ ซึ่งการผ่าตัดด้วยวิธีนี้ให้ผลลัพธ์ที่ถาวรเพราะใช้กระดูกของตัวเอง โดยไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไป จึงทำให้ไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ อีกทั้งยังส่งผลให้ใบหน้าและคางจะดูเรียวเป็นธรรมชาติมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดด้วยวิธีนี้ จะเป็นการผ่าตัดใหญ่และมักมีค่าใช้จ่ายมากมาย อีกทั้งยังต้องใช้ยาสลบและยาชา ซึ่งจะทำให้มีอาการชา เป็นเวลานานถึง 6-12 เดือนเลยทีเดียว
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
หลังจากการผ่าตัดเสริมคาง จะมีอาการบวมช้ำและรู้สึกเป็นไข้ไม่สบายตลอดระยะเวลาช่วง 2-3 สัปดาห์แรก สิ่งที่ผู้ป่วยต้องปฏิบัติ คือ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การผ่าตัดฟื้นตัวเร็วขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์ของการเสริมคางจะเห็นผลภายใน 1 เดือนหลังการผ่าตัด และจะเห็นผลอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นหลังจาก 3 เดือน โดยอาการบวมต่าง ๆ ก็จะลดลงเรื่อย ๆ ตามลำดับ
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
วิธีดูแลตัวเองหลังจากการทำศัลยกรรมเสริมคาง
- ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ โดยใช้หลอดดูดน้ำ เพื่อลดการขยับคาง
- หลังจากการผ่าตัด จะมีอาการบวมช้ำตามบริเวณที่ได้ผ่าตัด ดังนั้น ผู้ป่วยควรประคบเย็นอย่างน้อย 1-3 วัน
- ควรทานอาหารที่เคี้ยวง่าย เช่น อาหารเหลว หรืออาหารอ่อน และหลีกเลี่ยงการขยับปากมาก ๆ ในช่วงแรก
- ช่วงแรก ๆ ให้นอนหนุนหมอนสูง ๆ และนอนหงาย เพื่อป้องกันเลือดคั่งและลดอาการบวม
- งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดการกระทบกระเทือน และเป็นสาเหตุให้เกิดบาดแผล เช่น การวิ่ง กระโดด และงดเท้าคาง เด็ดขาด ในช่วงหลังการผ่าตัดภายในช่วง 2 อาทิตย์แรก
- งดทานของหมักดอง อาหารร้อน อาหารรสจัด และอาหาร ที่ต้องเคี้ยว มาก ๆ รวมไปถึง งดทานของ สุก ๆ ดิบ ๆ เพราะอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนได้
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดสูบฉีด ขึ้นใบหน้ามาก และจะทำให้หน้าบวมได้
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ เลือกการผ่าตัดเสริมคางเพื่อเสริมภาพลักษณ์ และความมั่นใจในตนเอง โดยปกติแล้วการผ่าตัดเสริมคางนั้น เป็นขั้นตอนที่ผ่าตัดในเวลาเดียวกันกับการผ่าตัดเสริมจมูก หรือการดูดไขมันบนใบหน้า
โดยปกติแล้ว การผ่าตัดเสริมคาง ก็เหมือนกับขั้นตอนการผ่าตัดส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ที่มีความเสี่ยงและอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นมาได้ ดังนั้น สิ่งที่ควรตระหนักถึง มีดังต่อไปนี้
- การติดเชื้อหลังจากการผ่าตัด
- ผลข้างเคียงเมื่อใส่ซิลิโคน
- ผลข้างเคียงในการปลูกถ่ายย้ายกระดูกบริเวณคาง
- ผลข้างเคียงของเส้นประสาทที่อาจทำให้ปาก หรือริมฝีปากชา
- ผลข้างเคียงหรืออาการแพ้ต่อการปลูกถ่าย
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง