สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ แว็กซ์ขน ใน กรุงเทพมหานคร
การแว็กซ์ขน คือ การกำจัดขนโดยใช้เทคนิคการแว็กซ์ หรือ ขี้ผึ้ง เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งมีคุณสมบัติในการยึดเกาะผิวหนังได้ดี จึงเป็นผลให้ถอนเส้นขนได้ถึงรากถึงโคน ปัจจุบัน การแวกซ์ขน สามารถทำได้ 2 วิธีหลัก ๆ คือ แว็กซ์ร้อน (Hot Wax) และ แว็กซ์เย็น (Cold Wax) ในปัจจุบัน ประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ แว็กซ์ร้อน เพราะได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ช่วยลดการเกิดผิวหนังไก่ เป็นขนคุด และมีความผ่อนคลายมากกว่า
การแว็กซ์ร้อน (Hot Wax) คือ การนำขี้ผึ้งที่มีสถานะเป็นของแข็ง มาอุ่นในหม้อแว็กซ์ ให้กลายสภาพเป็นของเหลว เป็นเจลที่มีความหนืด การแว็กซ์ร้อน ข้อดี คือ ผิวจะเปิด ทำให้กำจัดขนออกมาได้โดยง่าย ช่วยลดแรงตึงผิว ลดการอักเสบ หรือ บวมแดง เมื่อทาเนื้อแว็กซ์ลงบนผิว แว็กซ์จะเซตตัวติดกับเส้นขน ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้แรงดึงที่รุนแรง การแว็กซ์ร้อน ข้อเสีย จะต้องอุ่นแว็กซ์ให้มีสภาพเป็นเจลก่อน ใช้เวลานานกว่าแบบเย็น
แว็กซ์ร้อน หลัก ๆ จะแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ
1. แว็กซ์แบบกระดาษช่วยดึง (Strip Wax) เป็นการแว็กซ์โดยมีแผ่นกระดาษมาช่วยดึง ใช้กำจัดขนในบริเวณกว้าง เช่น หลัง แขน ขา และลำตัว
2. แว็กซ์กำจัดขนแบบลอกออก (Hard Wax) เป็นการแว็กซ์โดยใช้เจลแว็กซ์ แล้วลอกออก ใช้กำจัดขนในบริเวณเล็ก ๆ ที่ต้องการความละเอียด และ เข้าถึงยาก เช่น แว็กซ์คิ้ว แว็กซ์หนวด แว็กซ์บิกินี่ และแว็กซ์บราซิลเลี่ยน
การแว็กซ์เย็น (Cold Wax) คือ การกำจัดขน โดยการทาแว็กซ์ที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง หรือน้ำตาล ลงบนผิว แล้วลอกออกได้เลยทันที สามารถทำได้เลยง่าย ๆ ประหยัดเวลา การแว็กซ์เย็น ข้อดี คือ สะดวก ทำได้ง่าย รวดเร็ว การแว็กซ์เย็น ข้อเสีย ต้องใช้แรงดึง เกิดการอักเสบง่าย
แว็กซ์บริเวณไหนได้บ้าง
-
แว็กซ์คิ้ว (Eyebrow Wax)
-
แว็กซ์หนวด (Mustache Wax)
-
แว็กซ์ใบหน้า (Facial Wax)
-
แว็กซ์แขน (Arms Wax)
-
แว็กซ์ขา (Legs Wax)
-
แว็กซ์บราซิลเลียน (Brazilian Wax)
-
แว็กซ์บิกินี่ (Bikini Wax)
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนการแว็กซ์ขน
1. หากมีขนคุด ให้สครับผิวก่อนแว็กซ์ขน 48 ชั่วโมง
2. หากผิวมีอาการไหม้จากแสงแดด ให้งดการแว็กซ์ไปก่อน
3. หากเพิ่งทำบริการทรีทเมนต์ เลเซอร์ หรือลอกหน้ามา ให้เลี่ยงการแว็กซ์ไปก่อน เพราะจะทำให้ผิวถลอก เบิร์นแดง และเป็นรอยดำได้
4. การแว็กซ์ในช่วงที่มีประจำเดือน จะทำให้มีอาการเจ็บมากกว่าปกติ ให้เลี่ยงไปในช่วงระยะนี้
5. หากมีการผ่าตัดมาในบริเวณที่ต้องการแว็กซ์ ให้งดการแว็กซ์ไปก่อนอย่างน้อย 6-12 เดือน
6. ไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นมารับบริการแว็กซ์
อย่างไรก็ดี การแว็กซ์ขน ไม่ว่าจะใช้แว็กซ์ร้อน หรือแว็กซ์เย็น จะเป็นการดึงแว็กซ์ออกแบบย้อนรูขุมขนหรือย้อนแนวขนเท่านั้น ถึงจะเป็นวิธีการทำที่ถูกต้อง
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
การแว็กซ์ขน เป็นการกำจัดวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยม และสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย โดยมี 2 ประเภทการแว็กซ์ คือ การแว็กซ์ร้อน และการแว็กซ์เย็น
- แว็กซ์ร้อน เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาในการเตรียมตัว มีขนหนา เส้นใหญ่ ดึงออกได้ลำบาก รวมถึงมีผิวแพ้ง่าย
- แว็กซ์เย็น เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด ทำในช่วงเวลาที่เร่งรีบ เพราะหาซื้อง่าย แถมพกพาสะดวก สามารถทำเองได้เลย นอกจากนี้ ยังเหมาะกับผู้ที่มีขนเส้นเล็ก ขนอ่อน ขนบาง เป็นอย่างมาก
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
หลังจากแว็กซ์เรียบร้อยแล้ว หากมีอาการระคายเคือง การเกิดรอยแดง หรือจ้ำเลือดบริเวณที่ทำการแว็กซ์ นับว่าเป็นอาการปกติหลังการแว็กซ์ และจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมง ให้ใช้โลชั่น หรือเจลเพื่อช่วยลดอาการอักเสบ บวมแดง และกำจัดแบคทีเรียที่ผิวบริเวณที่แว็กซ์ขน หลังจากนั้น ทามอยซ์เจอร์ไรเซอร์ ทานวดบำรุงผิว เพื่อให้ผิวผ่อนคลาย และมอบความชุ่มชื้นให้กับผิว แล้วสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เลย ไม่ต้องพักฟื้น
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
1. ทาผิวด้วยครีมลดการอักเสบ และทามอยซ์เจอร์ไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
2. หลีกเลี่ยงการตากแดด หรือว่ายน้ำหลังการแว็กซ์ทันที ระยะเวลาอย่างน้อย 8 - 12 ชั่วโมง
3. หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ หรือซาวน่าหลังการแว็กซ์ทันที
4. หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น เสียดสีผิวจนเกินไป
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
โดยปกติแล้ว จะสามารถเห็นผลได้เลยทันที หลังการทำ และขนจะงอกกลับขึ้นมาใหม่ หลังจากผ่านไปแล้ว 1 - 2 เดือน โดยงอกขึ้นมาในลักษณะที่บางลง และน้อยลง สำหรับคนที่มีเส้นขนแข็ง และหนา ให้ทำแว็กซ์ร้อน จะเห็นผลลัพธ์ที่ดี และมีประสิทธิภาพมากกว่า
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง